นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งว่า กกต.ได้ร่างระเบียบเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว.กว่า 155 ข้อ เพื่อให้สอดรับกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มา ส.ว.ที่จะโปรดเกล้าลงมาพร้อมๆกับ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย
อย่างไรก็ดี ประธาน กกต.ไม่ได้กังวลและเตือนพรรคการเมืองให้ระมัดระวังการเคลื่อนไหวหรือหาเสียงช่วงนี้ เพราะมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำหนดกรอบไว้อยู่แล้ว ส่วนกรณีกลุ่มสามมิตร ที่ขึ้นรถปราศัยในลักษณะหาเสียงนั้น กกต.กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ
พร้อมกันนี้ยืนยันว่า กกต.มีอำนาจตรวจสอบการกระทำใดๆ ที่อาจส่งผลให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองหรือเป็นพรรคการเมือง โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเรียน เพราะ กกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมและเท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ไม่ให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน ที่สำคัญต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนพันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการดำเนินการของพรรคการเมืองในห้วงนี้ว่า ให้ดูกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมาย กกต.ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้การกระทำสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย ส่วนระเบียบ กกต.เกี่ยวกับการหาเสียงทางโซเชียลเน็ตเวิคนั้น กกต.กำลังหาแนวทาง
"ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบถึงผลได้-ผลเสีย เน้นการให้เสรีภาพพรรคการเมือง ไม่ใช่ปิดกั้นและควบคุมให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายเท่านั้น ที่สำคัญต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่ายก่อน เช่นเดียวกับการออกระเบียบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ต้องรับฟังความเห็นพรรคการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด"
สำหรับผู้ตรวจการเลือกตั้ง กำลังประมวลผลการร้องเรียนและรายชื่อบุคคล เตรียมส่งให้ กกต.รับรองก่อนประกาศผล ส่วนเขตเลือกตั้งยังไม่สามารถระบุชัดได้ เพราะต้องรอให้ กกต.จังหวัดส่งข้อมูลจากการคำนวนจำนวนประชากรมาก่อน
โดยวันนี้ กกต. ได้ปิดการอบรมหลักสูตรสืบสวนและไต่สวน ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นชุดสุดท้าย เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กกต.สำหรับการเลือกภายใต้กฎหมายใหม่ ที่ให้ พนักงาน กกต.ทำหน้าที่ พนักงานสอบสวนด้วย จึงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการสืบสวนและไต่สวน ให้มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพ
อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ร้อง นายกฯ บังคับใช้กฎหมายในเป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายศักดา นพสิทธิ์ อดีดโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ยังมีการชุมนุมทางการเมือง และเคลื่อนไหวการเมืองของกลุ่มสามมิตร โดยการแนะนำผู้สมัคร ส.ส. ครั้งที่จะมีขึ้น และหาเสียงกับประชาชนอย่างตลอดและต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงข้อห้ามตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งผิดกฏหมาย ขณะที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในการห้ามปรามยั้บยั้งการกระทำนี้แต่อย่างใด ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำกับสื่อตลอดว่า จะปลดล็อกการเมือง ให้พรรคการเมือง ได้ทำกิจกรรมและพบปะประชาชนได้ ประมาณเดือนธันวาคม ดังนี้จึงแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไม่มีธรรมภิบาล ในการบังคับใช้กฏหมาย อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บ้านเมืองและประชาชนหรือไม่
นายศักดา กล่าวว่า หลักการสำคัญและหัวใจ ที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อดการเมือง หรือยกเลิกคำสั่งที่ 53/2560 เพราะพรรคการเมืองต้องการพบปะประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและมีส่วนร่วม สำหรับการจัดทำนโยบาย มิได้มุ่งหวังไปหาเสียง ก่อนมี พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เพราะจะไม่มีประโยชน์เลย หากไม่มีนโยบายที่ดีที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องให้แก่ชาวบ้านและประชาชนได้ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลรับฟังข้อเรียกร้องนี้ นายศักดา โดยให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นแก่ประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นสำคัญโดยการปลดล็อดการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองได้พบกับประชาชนเพื่อพร้อมสำหรับการเลือกต้ังและมีส่วนในการเสนอนโยบายกับพรรคการเมือง ที่จะบริหารประเทศต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง โดยไม่ปล่อย กลุ่มการเมือง ที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำผิดกฏหมายและคำสั่งคณะรักษาความสงบ (คสช.) เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีธรรมาภิบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถรักษาความสงบของประเทศมีมาตรฐาน เดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม