นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช. หลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการครอบครองนาฬิกาหรูหลายเรือน มูลค่าหลายล้านบาทโดยไม่แจ้งหรือปรากฏอยู่ในบัญชีหนี้สินและทรัพย์สิน ซึ่งต้องรายงานแจ้งต่อป.ป.ช.ตามที่กฎหมายบัญญัติ ตามที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ระบุว่า "นาฬิกาไม่ใช่ของผม เพราะยืมเขามาและก็ใส่มาเป็นสิบปี ตอนนี้คืนเขาไปหมดแล้ว"

นายศรีสุวรรณ เห็นว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการยอมรับความจริงต่อสาธารณะ เพราะความผิดดังกล่าวถือว่าสำเร็จแล้วตามกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นการได้รับประโยชน์จากบุคคลอื่นหรือการรับประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ซึ่งขัดมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติพ.ศ. 2542 หรือ มาตรา128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 

ดังนั้นพล.อ.ประวิตร จะใช้ข้ออ้างว่า ได้คืนนาฬิกาให้เจ้าของไปแล้ว ก็ไม่มีผลสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงมายื่นคำร้องและขอให้ป.ป.ช. เร่งรัด สรุปสำนวนเพื่อส่งให้อัยการ ยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยเร็ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตรใน 2 ข้อหาคือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เป็นเท็จและกรณีร่ำรวยผิดปกติ เช่นเดียวกับนายเรืองไกรที่ก่อนหน้านี้ได้มายื่นคำร้องถึง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบพลเอกประวิตร เพิ่มเติมในประเด็นเดีย���กัน