ไม่พบผลการค้นหา
สีจิ้นผิงกล่าวในพิธีปิดการประชุมสภาประชาชนจีนว่า ระบอบสังคมนิยมเท่านั้นที่จะกู้กอบจีนได้ พร้อมปรามฝ่ายสนับสนุนแยกประเทศออกจากจีน

นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุมสภาประชาชนจีนประจำปีนี้ว่า จีนไม่ควรพึงพอใจกับพัฒนาการของตัวเอง แต่จีนกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วจะพิสูจน์ต่อไปว่าระบอบสังคมนิยมเท่านั้นที่จะช่วยกอบกู้จีนได้

นายสียังย้ำว่ามีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูให้จีนกลับมายิ่งใหญ่ และจะทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่ออารยธรรมจีนต่อไป และกล่าวว่าประชาชนเป็น 'วีรบุรุษ-วีรสตรีที่แท้จริง' ของจีน ทั้งเขาและนักการเมืองทุกคนจะต้องทำงานหนักเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากที่สภาประชาชนจีนลงมติยกเลิกกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจีน ซึ่งทำให้นายสีจิ้นผิงสามารถเป็นประธานาธิบดีต่อไปจนกว่าจะตัดสินใจลาออกจาก ตำแหน่งเองหรือเสียชีวิต เป็นการกระชับอำนาจของตัวเองให้เบ็ดเสร็จและยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหมาเจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสียชีวิต

นายสียังได้ส่งสัญญาณไปยังไต้หวันว่าจีนต้องสามัคคีกัน เพื่อทำให้ประเทศมั่งคั่ง และจีนจะขัดขวางความพยายามในการแบ่งแยกดินแดนทั้งหมด ชาวจีนมีความเชื่อร่วมกันว่าไม่อาจอนุญาตและเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งแยกดินแดนจีนที่ยิ่งใหญ่ออกจากกันได้ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่มองว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่พยายามแบ่งแยกดินแดนจีน และมั่นใจว่าวันหนึ่งจะกลับมาสามัคคีกับจีนแผ่นดินใหญ่

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เพิ่งผ่านกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมให้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปพบรัฐบาลไต้หวันโดยตรง แม้สหรัฐฯ จะยังไม่เชื่อมความสัมพันธ์กับไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่จีนแผ่นดินใหญ่ก็มักไม่พอใจ หากต่างชาติแสดงท่าทีว่าจะยอมรับสถานะประเทศของไต้หวัน

นอกจากนี้ นายสีกล่าวว่าจีนต้องเข้มแข็ง แต่ไม่แข็งกร้าว และไม่พัฒนาประเทศโดยทำให้ประเทศอื่นเดือดร้อน ซึ่งเป็นไปได้ทิศทางเดียวกับสุนทรพจน์ของนายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนที่ย้ำว่าจีนต้องการร่วมมือกับประเทศอื่นตามกฎเกณฑ์ของตลาด และความพยายามในการค้าขายกับต่างประเทศจะต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์

นายหลี่ยังระบุว่าจีนจะเปิดเสรีการค้า เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจีนและต่างชาติสามารถแข่งขันด้วยเงื่อนไขที่เป็น ธรรมในตลาดขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่านี่เป็นการแสดงจุดยืนที่ตรงข้ามกับนโยบายกีดกันการค้าและตั้งกำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ที่มา: BBC

อ่านเพิ่มเติม: