สำนักข่าว BBC เปิดเผยว่าได้รับทราบข้อมูลว่าสหประชาชาติกำลังจะออกรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยเป็นรายงานที่ส่งตรงต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือ UNSC และจะเผยแพรต่อสาธารณชนภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาเปิดเผยถึงการที่บริษัทเอกชนของสิงคโปร์ 2 ราย รวมถึงบริษัทในเอเชียอีกจำนวนหนึ่ง ลักลอบส่งสินค้าฟุ่มเฟือยไปยังเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะเหล้า-ไวน์ และยังมีการส่งไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งอย่างน้อยถึงเดือนกรกฎาคม 2017 ที่ผ่านมา และมูลค่าการซื้อขายที่ตรวจสอบได้ตั้งแต่ปี 2011-2014 ก็คิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านดอลลาร์ หรือ 62 ล้านบาท นอกจากนี้ 2 บริษัทสิงคโปร์ดังกล่าวยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธนาคารของเกาหลีเหนือ โดยรับเงินทุนจากธนาคารดังกล่าวด้วย

การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดมติของ UNSC โดยตรง เนื่องจากปัจจุบันมีการออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างเข้มงวด ชาติสมาชิก UN ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าฟุ่มเฟือย น้ำมันเชื้อเพลิง และอาวุธให้แก่เกาหลีเหนือ รวมถึงห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับบริษัทหรือสถาบันทางการเงินของเกาหลีเหนือด้วย

รัฐบาลสิงคโปร์ยอมรับว่าได้รับข้อมูลเรื่อง 2 บริษัทที่ค้าขายกับเกาหลีเหนือแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวน โดยยืนยันว่าตามกฎหมายสิงคโปร์ ไม่อนุญาตให้บุคคลหรือบริษัทใดทำธุรกรรมทางการเงินหรือให้ความช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับเกาหลีเหนืออยู่แล้ว ขณะที่ 2 บริษัทที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ OCN และ T Specialist ซึ่งเป็นบริษัทพี่น้องกัน ต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย โดยยืนยันว่าการค้าขาเป็นการทำกับบริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกง และก็เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 แล้ว

สิงคโปร์ และอีกหลายประเทศในอาเซียนอย่างมาเลเซียและไทย ถูก UN จับตามาโดยตลอดว่าเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจการค้าแก่เกาหลีเหนือ ทำให้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกจไม่สามารถกดดันให้เกาหลีเหนือเข้าสู่โต๊ะเจรจาได้จริง โดยสิงคโปร์เพิ่งแบนการค้าขายกับเกาหลีเหนืออย่างเด็ดขาดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามมติคว่ำบาตรรอบล่าสุดของ UN อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านการเงินต่างยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะห้ามการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างสิงคโปร์และเกาหลีเหนือ ในฐานะที่สิงคโปร์เป็นแหล่งหลบภาษี ฟอกเงิน และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ว่ารัฐบาลจะมีกฎหมายเข้มงวดแค่ไหนก็ตาม 

การเปิดเผยเรื่องนี้เกิดขึ้นท่ากลางกระแสข่าวการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนายทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯคนแรกที่ตอบรับคำเชิญที่จะร่วมโต๊ะเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ยืนยันว่าระหว่างที่ยังไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น การคว่ำบาตรทุกชนิดยังต้องดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เพื่อกดดันเกาหลีเหนือให้ยอมอยู่ในโต๊ะเจรจาต่อไป