สำนักข่าว CNN รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีในวันเสาร์ที่ 8 ส.ค. ออกคำสั่งจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ผู้ว่างงานชาวอเมริกันต่อเป็นจำนวนเงิน 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12,492 บาท ต่อสัปดาห์ภายหลังจากที่ทางพรรคเดโมแครตและรัฐบาลกลางไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการผลักดันกฎหมายการช่วยเหลือเยียวยาผู้ว่างงานได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมาตรการเยียวยาผู้ว่างงานก่อนหน้านี้มีการจ่ายเงินให้กับชาวอเมริกันที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดเป็นจำนวนเงิน 600 ดอลลาร์ หรือราว 18,739 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
ทรัมป์ระบุว่า การจ่ายเงินผู้ว่างงานในจำนวนสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์นั้น รัฐบาลกลางจะรับผิดชอบ 75 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 300 จาก 400 ดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละมลรัฐจะต้องช่วยรับผิดชอบในอีก 25 เปอร์เซ็นต์หรืออีก 100 ดอลลาร์ที่เหลือ อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายกังวลว่าไม่ใช่ผู้ว่างงานทุกคนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนนี้ เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นในทุกมลรัฐจะต้องตอบตกลงเข้าร่วมโครงการความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมภายใต้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีนี้ก่อน ผู้ว่างงานในมลรัฐนั้นจึงจะสามารถได้รับเงินเยียวยา
“เราไม่มีเงินสำรองมาช่วยรัฐบาลกลางจ่ายหรอก” หนึ่งในผู้นำท้องถิ่นจากพรรคเดโมแครตกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ“รัฐบาลกลางไม่เคยแจ้งเราล่วงหน้าเฃยว่าจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้ และตั้งแต่มีวิกฤตโควิด-19 เงินสำรองก็ถูกใช้ไปแทบจะหมดแล้ว” สมาชิกพรรคเดโมแครตคนเดิมกล่าวต่อว่าที่ผ่านมาท้องถิ่นสูญเสียรายได้ไปมหาศาลจากการจัดเก็บภาษีที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงได้มีการเสนอของบประมาณมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์จากสภาคองเกรสไปแล้ว
ทั้งนี้ คำสั่งประธานาธิบดีอีก 3 ฉบับที่ทรัมป์ได้ลงนามไปในวันเดียวกันคือการละเว้นภาษีสำหรับชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี การต่อเวลาการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้เพื่อการเล่าเรียนของนักศึกษาอเมริกัน และการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าที่อยู่อาศัย