ต่างประเทศ
จีนโบ้ยสหรัฐฯ ทำเหมือนตัวเอง อ้างพบบอลลูนมะกันลอยเหนือฟ้าจีน
หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาระบุกับผู้สื่อข่าวในช่วงการแถลงข่าวทั่วไปในกรุงปักกิ่งว่า เป็นเรื่อง “ไม่ได้ไม่ปกติ” ที่สหรัฐฯ จะเข้ามารุกล้ำฐานทัพอากาศของชาติอื่น พร้อมกันกับการอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ทางการจีนพบบอลลูนผิดกฎหมายในลักษณะเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ยิงตกในเขตแดน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน จำนวนกว่า 10 ครั้ง ที่การรุกล้ำแผ่นดินจีน
“ตั้งแต่ปีที่แล้ว บอลลูนระดับลอยตัวสูงของสหรัฐฯ ได้ทำการบินอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 10 ครั้งเข้าสู่น่านฟ้าของจีน โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน” หวังกล่าว โดยอธิบายถึงปฏิกิริยาของจีนต่อบอลลูนสหรัฐฯ ว่า “มีความรับผิดชอบและเป็นมืออาชีพ” หลังก่อนหน้านี้ทางการจีนออกมาโจมตีว่า การสั่งยิงบอลลูนจีนเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯ เป็นการตอบรับที่เกินกว่าเหตุ
ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของจีนว่า “การอ้างว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการลอยบอลลูนตรวจการณ์เหนือสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นไม่เป็นความจริง” เอดรีน วัตสัน โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าว พร้อมกล่าวเสริมว่าจีนต่างหากที่กำลังดำเนินการ “โครงการบอลลูนตรวจการณ์ระดับสูงสำหรับการรวบรวมข่าวกรอง” ต่อสหรัฐฯ
คำกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นความคืบหน้าล่าสุด จากการโต้เถียงระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น บนประเด็นวัตถุลึกลับที่บินอยู่เหนือพื้นที่อเมริกาเหนือและละตินอเมริกา ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ ได้ทำการยิงบอลลูนดังกล่าวตก ตามมาด้วยการที่สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการเดินทางเยือนจีนของ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากมีการวางแผนไว้ก่อนหน้าท่ามกลางความพยายามในระดับทวิภาคี เพื่อการปรับปรุงความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติ และสหรัฐฯ ยังได้ประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานจีน 6 แห่งที่เชื่อว่าสนับสนุนโครงการบอลลูนสอดแนมทางทหารด้วย
วัตถุปริศนาลูกแรกถูกตรวจพบเมื่อปลายเดือน ม.ค. และสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน ในขณะที่จีนอ้างว่าบอลลูนดังกล่าวเป็นอุปกรณ์วิจัยอุตุนิยมวิทยา ซึ่งหลุดลอยออกนอกจากเส้นทาง อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า บอลลูนสามารถนำทางได้อย่างชัดเจน และมีวัตถุประสงค์เพื่อการเฝ้าระวัง และถูกยิงโดยขีปนาวุธทางอากาศสู่อากาศจนตกลงเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากติดตามจับตาโดยทางการสหรัฐฯ มาหลายวัน
หลังจากการยิงบอลลูนดังกล่าวตกโดยสหรัฐฯ รัฐบาลจีน และสื่อของรัฐได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาด้วยความโกรธ พร้อมโหมกระแสชาตินิยมและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าแสดงปฏิกิริยาตอบโต้เกินเหตุ
จนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 ก.พ.) หวังกล่าวว่าเขาไม่ทราบถึงวัตถุลอยฟ้าอื่นๆ “แต่สิ่งที่เราต้องการบอกทุกคนที่นี่คือ การยิงขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ บ่อยครั้ง เพื่อยิงวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้นั้น เป็นการใช้กำลังที่มากเกินกว่าเหตุ” ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ยิงวัตถุปริศนาอย่างน้อย 4 ลูกเหนือทวีปอเมริกาเหนือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงบอลลูนสอดแนมลูกแรกที่เป็นชนวนความขัดแย้ง โดยวัตถุดังกล่าวไม่สามารถระบุชื่อได้ และมีขนาดเท่ากับรถยนต์ขนาดเล็ก อีกทั้งยังบินอยู่เหนือมลรัฐอลาสกาทางตอนเหนือของสหรัฐฯ มาหลายวัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อธิบายว่าการโต้ตอบครั้งล่าสุดเล็งเป้าหมายใส่ “โครงสร้างแปดเหลี่ยม” ซึ่งมีเชือกติดอยู่ โดยวัตถุลอยฟ้าดังกล่าวถูกยิงตกเหนือทะเลสาบฮูรอนในมลรัฐมิชิแกน หลังจากถูกเรดาร์ตรวจจับเหนือมลรัฐมอนทานาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 ก.พ.) นับเป็นเวลาเพียง 1 วันหลังจากวัตถุขนาดเท่ารถยนต์อีกชิ้นถูกยิงตกเหนือดินแดนของแคนาดา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การตรวจจับที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นเพราะเมื่อเร็วๆ นี้สหรัฐฯ ได้ปรับเรดาร์ติดตามวัตถุให้ช้าลง
เช่นเดียวกันในเมื่อวานนี้ The Financial Times รายงานว่า เจ้าหน้าที่ไต้หวันอ้างว่าพวกเขาตรวจพบบอลลูนทางทหารของจีนหลายสิบลูกบนน่านฟ้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ เฉินหมิงซือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยความมั่นคงแห่งชาติ ของสถาบันวิจัยกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน กล่าวว่า มันไม่น่าเป็นไปได้ที่บอลลูนทั้งหมดจะพุ่งเป้าไปที่ไต้หวันโดยเฉพาะ
“พวกเขาสามารถใช้ UAV (อากาศยานไร้คนขับ) เครื่องบินสอดแนม และโดรนเพื่อตรวจสอบไต้หวันได้ เรดาร์ของพวกเขายังสามารถครอบคลุมถึงไต้หวันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องส่งบอลลูนไปลาดตระเวนที่ีไต้หวันทุกเดือน” เฉินกล่าว แต่เขาเสนอว่า จีนสามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวในที่อื่นได้ “หากจีนต้องการปล่อยบอลลูนไปยังสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ทะเลจีนตะวันออก พวกเขาทั้งหมดจะต้องใช้พื้นที่ใกล้ไต้หวัน”
ที่มา:
