ไบเดนกล่าวยืนยันว่าสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวันหากจีนเข้าโจมตี ในวันที่สองของการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำว่า การป้องกันเกาะที่ปกครองตนเองอย่างไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นดินแดนของตนเอง เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของสหรัฐฯ และพันธะในการปกป้องไต้หวันของสหรัฐฯ ได้เพิ่ม “มากขึ้นกว่าเดิม” หลังจากรัสเซียเข้ารุกรานยูเครน
ถ้อยแถลงในครั้งนี้ของไบเดน เป็นคำพูดจากปากของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงออกถึงการให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างชัดเจนมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา “พันธสัญญาได้ถูกผูกเอาไว้” ไบเดนระบุหลังจาก ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวก่อนตนในการแถลงที่พระราชวังอากาซากะ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ไบเดนยังได้กล่าวว่า ตนจะให้การสนับสนุนในการปฏิรูปโครงสร้างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อที่จะบรรจุให้ญี่ปุ่นเข้ามาเป็นสมาชิกของคณะมนตรีแบบถาวร พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นยังได้ประกาศแผนการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง เพื่อใช้ในการป้องกันประเทศของตนเองมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพื่อใช้ตอบโต้กับอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และความก้าวร้าวของจีนในภูมิภาค
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามใดๆ ของจีน ที่จะใช้กำลังเข้าโจมตีไต้หวันนั้นเป็นเรื่องที่ “ไม่เหมาะสม… มันจะสะเทือนเสถียรภาพทั้งภูมิภาค และเป็นการกระทำที่คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน” ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยอมรับนโยบาย “จีนเดียว” ของจีนที่ว่าปักกิ่งจะเป็นรัฐบาลเดียวเท่านั้น และสหรัฐฯ จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตแบบทางการกับไต้หวัน
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยืนยันว่าตนจะยังคงติดต่อกับไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงตั้งสถานทูตในทางพฤตินัยบนเกาะไต้หวัน อีกทั้งยังจัดหายุทโธปกรณ์ให้กับไต้หวันด้วย “อเมริกายึดมั่นในนโยบายจีนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าจีนมีอำนาจที่จะใช้กำลังเพื่อยึดไต้หวัน” ไบเดนระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า “ความคาดหวังของผมคือสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น”
ความเห็นของไบเดนในครั้งนี้ ดูเหมือนจะนำพาสหรัฐฯ ออกจากแนวนโยบายที่สหรัฐฯ ยึดถือมาโดยตลอดในการรักษา “ความคลุมเครือเชิงกลยุทธ์” ที่สหรัฐฯ มีต่อที่อยู่ที่ยืนของไต้หวันในประชาคมโลก หลังจากจีนคอมมิวนิสต์กลับกลายมาเป็นผู้ถืออำนาจรัฐบาลในปักกิ่งแทน
อย่างไรก็ดี หลังจากคำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวได้ออกมาระบุว่า “ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ ต่อประเด็นไต้หวันแต่อย่างใด อย่างที่ท่านประธานาธิบดีได้ระบุไป นโยบายของเรายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ อาจบดบังความสนใจหลักของการเยือนญี่ปุ่นโดยไบเดน เพื่อเปิดกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นแผนกว้างๆ ที่เป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจสำหรับการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ กับเอเชีย นอกจากนี้ ไบเดนยังมีกำหนดการเข้าพบกับผู้นำของญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย หรือกลุ่มประเทศ “Quad” ที่ตั้งขึ้นเพื่อคานอำนาจกับจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกด้วย
ที่มา: