22 ม.ค.2567 สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ลงพื้นที่ชุมชนโต๊ะบาหลิว ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยมี สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. สมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เดียว ทะเลลึก ผู้แทนชุมชน วิทวัส เทพสง ผู้แทนเครือข่ายชาวเล และ อภินันท์ ธรรมเสนา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ศมส. ให้การต้อนรับ
โดยเมื่อสมศักดิ์ เดินทางมาถึง ได้เข้าสักการะศาลเจ้าโต๊ะบาหลิว ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของพี่น้องอูรักลาโว้ย กลุ่มชาวเล โดยได้ขอพรให้การผลักดัน ในทุกเรื่องของชาวอูรักลาโว้ย เกิดแต่ผลสำเร็จ
ขณะที่ ตัวแทนชาวอูรักลาโว้ย กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดัน คือ การผลักดันกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ และ ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ ภาคเอกชน เพื่อเข้ามาดูแลพี่น้องชาวเล ขณะเดียวกัน อยากให้สนับสนุนการเข้าถึงการศึกษา การเข้าถึงสถานพยาบาล การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การจัดหาโฉนดให้แก่ชุมชน ที่ส่งผลกระทบทั้งที่อยู่และการทำสุสาน การเข้าถึงน้ำประปา เพื่อการอุปโภคและบริโภค และไฟฟ้า ที่ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญมาก และการจัดทำพื้นที่อนุรักษ์ให้แก่ชาวเลด้วย
โดยสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้พา เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่มาด้วย เพื่อมารับฟังปัญหา และดำเนินการแก้ปัญหาให้ ซึ่งตนรู้สึกตกใจมาก ที่ได้ยินว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ สามารถดำน้ำลึกได้ถึง 10 นาที โดยตอนแรกคิดว่า มีแต่ในหนัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนประหลาดใจมาก แล้วจะไปบอกทุกคนต่อว่า ชาวอูรักลาโว้ย นั้นดำน้ำเก่งมาก โดยตามประวัติศาสตร์ทุกคนคือคนไทย จะต้องมีบัตรประชาชน ซึ่งเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นห่วง จึงมอบหมายให้ตนมานั่งในกรรมการชุดนี้
"อะไรที่ตกทอดมาเป็นมรดกของท่าน ก็ยืนยันว่า ต้องเป็นของท่าน เวลานี้หน่วยงานราชการต่างๆไม่เคยทอดทิ้ง เราช่วยกันสุดกำลัง คนที่เข้ามาผลักดันแม้จะไม่ใช่คนในชุมชน แต่ก็ทำเต็มที่ แต่ถ้าลูกหลานของท่านโตขึ้นมาเก่งกฎหมายเก่งวิชาการ จะช่วยพวกเราได้มาก จะไม่ถูกใครมารังแก กลับไป ผมจะรีบประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง เพื่อติดตามเรื่องต่างๆให้พวกท่าน ขอให้สบายใจ จะทำให้ทุกอย่าง และ ผลักดันให้ทุกสิ่ง แต่การขับเคลื่อนบางอย่างไม่สามารถสั่งวันนี้แล้วสำเร็จได้เลย เพราะมีหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากมาย ดังนั้นเราต้องช่วยกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวอูรักลาโว้ย"รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น สมศักดิ์ ได้เดินทางต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังศาลากลางจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน เพื่อเป็นประธานการประชุมกองทุนหมู่บ้านในภาคใต้ โดยมีเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทักษิณ 14 จังหวัดภาคใต้ เช่น สตูล กระบี่ พัทลุงนครศรีธรรมราช ยะลา ปัตตานี ให้การต้อนรับ
โดยสมศักดิ์ เปิดเผยว่า เวลานี้ต้องยอมรับว่า กองทุนหมู่บ้านมีปัญหาในเรื่อง ของการทำสถิติของกองทุน ในประเด็นส่วนที่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ ว่าขณะนี้มีเท่าไหร่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญ เพราะเราจะได้เข้าไปช่วยแก้ไขโดยตั้งแต่การเข้ามาทำงานนั้น ได้มอบนโยบาย และเบญจพล กำลังเดินหน้าอยู่ ซึ่งเรากำลังเข้าไปช่วยทุกคนให้เดินต่อไปได้ ดังนั้น การทำบัญชีครัวเรือนถือเป็นเรื่องสำคัญ เราจะได้รู้ว่า การสูบบุหรี่ 1 ปี 365 วัน เป็นรายจ่ายกว่า 30,000 บาท แต่เราสามารถซื้อข้าวกินได้ทั้งปี ซึ่งอาจจะไม่ถึง 30,000 บาท หากเรารู้จักบริหารตรงนี้เราจะไม่รู้จักความยากจน และจะรู้อะไรสำคัญในการใช้จ่าย รวมถึงจะรู้ว่าเราจะประหยัดอะไร
"กองทุนหมู่บ้าน จะไม่เป็นหนี้ เราจะเข้าไปช่วย ขณะนี้ พยายามบูรณาการหน่วยงานที่กำกับดูแลของตัวเอง เช่น วันนี้ สทนช.ก็เข้าร่วมด้วยว่า จะช่วยเหลืออะไรได้นอกจากนี้ ก็ยังมี ศอ.บต. ที่เวลานี้ก็ได้ลงสำรวจพื้นที่แล้วว่ามีที่ดินตรงไหนบ้างที่จะสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้ และให้ไปหาเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำสุดๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างอาชีพให้กับพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอาชีพที่จะต้องสนับสนุนคือ อาชีพที่ต้องลงทุนน้อยต่อยอดได้ อย่างเช่น การเลี้ยงวัว หรือ เลี้ยงปู เรื่องนี้ต้องเดินหน้า" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของทุกหมู่บ้านนั้น ก็ต้องเพิ่มศักยภาพ ด้วยการหาตลาดเพิ่ม รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆในการจัดส่ง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและประหยัดในส่วนนี้ เพิ่มตลาดให้เขามีรายได้มากขึ้น เรื่องการทำบัญชี เรื่องกฎหมายต่างๆ รัฐบาล ก็ต้องเข้ามาอบรม โดยเรายินดีไปบูรณาการเพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้งพวกท่านแน่นอน โดยสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน มีถึง 13 ล้านคน เราไม่สามารถบอกได้ว่า จะทำให้เขารวยภายในวันเดียว แต่วันนี้เราคงคิดว่า จะทำอย่างไรให้พวกเขานั้นหมดหนี้หมดสินลืมตาอ้าปากได้
ขณะที่ เบญจพล กล่าวว่า ขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยการประเมินคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาอาชีพ เวลานี้ ได้ดำเนินการแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งเราพยายามพูดคุยกันมาตลอด และรัฐบาลชุดนี้ อยากให้เร่งฟื้นฟูที่มีปัญหา จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐบาล และสมศักดิ์ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนเรื่องอาชีพ เวลานี้มีหลายอาชีพเรากำลังเร่งพัฒนา เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน