'โกโปร' ประกาศปรับประมาณการรายรับในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ระหว่าง 680 - 715 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 20,000 - 22,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 - 9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ตัวเลขรายรับจะยังเป็นบวก แต่ตัวเลขประมาณการดังกล่าว ลดลงมาจากประมาณการเดิมที่บวกร้อยละ 9 - 12
สาเหตุหลักที่ทำให้ 'โกโปร' ต้องปรับลดค่าประมาณการรายรับ เกิดจากความล่าช้าในการผลิตกล้อง 'ฮีโร่ 8 สีดำ' ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของบริษัท ซึ่งส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลงร้อยละ 16 ลงมีราคาอยู่ที่ 4.31 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 132 บาท ต่อ 1 หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังออกมาปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นลง โดยกำไรต่อหุ้นลดลงมาเหลือ 33 - 39 เซนต์ หรือประมาณ 10 - 12 บาท จากเดิมที่ 37 - 49 เซนต์ หรือประมาณ 11.5 - 15.0 บาท ต่อ 1 หุ้น
'นิค วู๊ดแมน' ซีอีโอโกโปร ออกมาบอกว่า ความล่าช้าในการผลิตสินค้าใหม่นี้ กระทบการส่งสินค้าให้กับผู้บริโภค จากเดิมที่เคยวางไว้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จึงต้องเลื่อนไปยังไตรมาสที่ 4 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายรับของบริษัท
อย่างไรก็ตาม นิค ยืนยันชัดว่า ความล่าช้าด้านการผลิตสินค้าตัวใหม่ของบริษัทไม่ได้มีสาเหตุมาจากการย้ายโรงงานการผลิตสินค้าจากจีนไปยังเม็กซิโก
แล้วเหตุกาณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โกโปรมีปัญหาจากกระบวนการผลิตสินค้า เพราะเมื่อปี 2559 บริษัทต้องเรียกคืนโดรนเนื่องจากผลิตภัณฑ์มีปัญหาเรื่องระบบพลังงาน และบริษัทตัดสินใจยกเลิกการผลิตโดรนในปี 2 ปีถัดมา
สำหรับกล้องฮีโร่ 8 สีดำ มีราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12,000 บาท ซึ่งยังมีสินค้าประกอบต่างๆ ที่มีราคาขายอยู่ที่ 49.99 - 79.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 - 2,500 บาท