ไม่พบผลการค้นหา
'วิโรจน์' ไม่เชื่อข่าวลือ 'เพื่อไทยพลิกขั้ว' ให้เหตุผล 1.เพื่อไทยจับมือประชาธิปัตย์เป็นไปได้ยาก 2.หากข้ามขั้วจะถูกประชาชนมองว่าทรยศ ย้ำสุดท้ายหากถูกหักหลัง ดีกว่าพังเพราะไม่เชื่อใจ

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซฯ Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แจงยิบ ทำไมไม่เชื่อข่าวลือจัดตั้งรัฐบาล "เพื่อไทย" ผลัก "ก้าวไกล" ไปเป็นฝ่ายค้าน ย้ำ ยังคงเชื่อใจเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมฯ อยู่เสมอ แม้หากถูกหักหลัง

ทำไมผมถึงไม่เชื่อข่าวลือ

ต้องยอมรับครับว่า ช่วงนี้มีข่าวลือที่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลเยอะมากๆ มีการตั้งข้อสันนิษฐานนั่นโน่นนี่ เพื่อบั่นทอนความเชื่อใจกันของภาคี 8 พรรคร่วม อยู่เต็มไปหมด

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ และไม่เคยเชื่อข่าวลือใดๆ เลย และการที่ผมไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าแค่รู้สึกไม่เชื่อนะครับ แต่ผมมีเหตุผลที่หนักแน่นพอ ที่จะไม่เชื่อด้วยครับ

1. ข่าวลือที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับ รวมไทยสร้างชาติ กับพลังประชารัฐ และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเพื่อไทรวมพลัง ซึ่งมีเสียงรวมกัน 262 เสียง เพื่อให้ สว. ยอมโหวตให้ โดยอ้างว่านี่ คือ การปิดสวิทช์ สว.

ผมไม่เชื่อข่าวลือนี้เลยครับ เพราะนี่ไม่ใช่การปิดสวิทช์ สว. ครับ แต่เป็นยอมจำนนต่อ สว. แล้วรวมหัวกันล้มผลการเลือกตั้ง #ปิดสวิทช์ก้าวไกล ขัดขวางพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลซะมากกว่า การปิดสวิทช์ สว. ที่พูดกันมาตั้งแต่การเลือกตั้ง 62 คือ การขอให้ สส. จากพรรคต่างๆ มาช่วยโหวตให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลก็ตาม เพื่อให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชน เป็นการปกป้องเสียงของประชาชน โดยป้องกันไม่ให้ สว. เข้ามาแทรกแซงได้

ข่าวลือนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ เพราะนอกจากรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแล้ว การที่พรรคเพื่อไทย จะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอะไรที่อธิบายจ่อวีรชนคนเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนสำคัญได้ยากมากๆ อีกด้วย ครั้นจะอ้างว่า คุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็เป็นเหตุผลที่ประชาชนรับไม่ได้หรอกครับ เพราะที่ผ่านมา ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อคนเสื้อแดง ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการออกมายอมรับผิดใดๆ

2. ข่าวลือที่ว่า เพื่อไทยจะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วดึง ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาลแทน ข่าวลือนี้ผมยิ่งไม่เชื่อใหญ่ แม้ว่าจะทำให้รัฐบาลมีเสียงถึง 308 เสียง ก็ตาม

เสถียรภาพของรัฐบาล จะดูแค่จำนวน สส. ไม่ได้หรอกครับ ต้องมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ที่ผ่านมา แกนนำของพรรคเพื่อไทย ก็พูดให้คำมั่นต่อสาธารณะ มาโดยตลอดว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ หัวหน้าพรรคถึงกับเอาตำแหน่งเป็นประกัน

และต้องยอมรับว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นพรรคที่ความโยงใยกับ คสช. และในเหตุการณ์ล้อมปราบคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ณ ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ. และกรรมการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตร ก็เป็น รมว.กลาโหม

รัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยการทรยศหักหลัง และเป็นปรปักษ์กับประชาชน ไม่มีทางที่จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้เลย แถมยังจะสูญเสียฐานเสียงสนับสนุนในระยะยาวอีกด้วย ผมจึงไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นจริง ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากทั้งสองพรรคไปแล้ว และอ้างว่า "ลุงไม่อยู่แล้ว" ร่วมรัฐบาลกันได้ ข้ออ้างแบบนี้ ประชาชนรับไม่ได้หรอกครับ เพราะคำว่า "ลุง" มันไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นสัญลักษณ์ ที่สะท้อนถึง "แนวคิดที่มีต่อประชาชน และประเทศ" มากกว่า

ยิ่งข่าวลือที่บอกว่าจะให้ภูมิใจไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ เป็นตัวหลักในการร่วมรัฐบาล จากนั้นพรรคเพื่อไทยจึงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลในเวลาต่อมา โดยอ้างว่า จำใจร่วมรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ ข่าวลือนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะนอกจากจะโดนประชาชนต่อว่าอย่างหนัก ไม่ต่างจากกรณีที่เพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วดึงเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลแล้ว กรณีนี้เพื่อไทย ตำแหน่งนายกฯ ก็จะไม่ได้ กระทรวงสำคัญต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ อย่างกระทรวงคมนาคม ก็อาจจะไม่ได้อีกด้วย

3. ข่าวลือที่ว่า ในการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการสลายขั้ว 8 พรรค แล้วขอให้โหวตนายกฯ ก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้ร่วมรัฐบาลบ้าง หลังจากที่ได้นายกฯ แล้ว จะให้นายกฯ ไปพูดคุยเพื่อคัดเลือกพรรคที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันอีกที ข่าวลือนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ตราบใดก็ตาม ที่ไม่มีความชัดเจนว่าพรรคใดจะจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปไม่ได้เลยที่แต่ละพรรคจะยกมือให้ เพราะอย่าลืมนะครับว่า แต่ละพรรคก็มีหน้าที่ ที่ต้องอธิบายให้กับประชาชนที่เป็นผู้สนับสนุนของตน ให้เข้าใจถึงเหตุผลในการยกมือเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ และการตีเช็คเปล่าแบบนี้ เป็นอะไรที่อธิบายต่อประชาชนได้ยากมากๆ ครับ

สรุป คือ ผมไม่ได้สนใจข่าวลืออะไรเลยครับ และยังคงเชื่อใจ และไว้ใจในภาคี 8 พรรคร่วม อย่างไม่นึกลังเล

ผมเป็นคนที่ว่า เมื่อตัดสินใจร่วมทีมกับใครแล้ว ผมก็จะเชื่อใจในทีม อย่างไม่หวั่นไหว ต่อให้สุดท้ายผมจะถูกหลอก ถูกหักหลัง ถูกมองว่าโง่ และถูกแย่งชิง หลอกลวง เอาทุกสิ่งทุกอย่างไป ผมก็จะไม่รู้สึกเสียใจ เพราะสิ่งที่จะแย่งชิงจากผมไปไม่ได้เลยก็คือ ความซื่อตรง และเกียรติภูมิ ที่เวลาที่ผมจะเดินไปไหน ก็จะสามารถเดินคอตั้ง หลังตรง กล้าสู้หน้าผู้คนได้

ต่อให้สุดท้ายภารกิจมันต้องล้มเหลว เพราะถูกทรยศหักหลังจริงๆ มันก็ยังดีกว่าการที่มันล้มเหลว เพราะความระแวง และความไม่เชื่อใจระหว่างกันภายในทีม

การล้มเหลวเพราะถูกหักหลัง คนที่ทรยศ วันข้างหน้าก็มีแต่จะถูกผู้คนสาปแช่ง ดาวดิ้นสิ้นอนาคต ส่วนคนที่ยึดถือในคำมั่น ซื่อตรงต่อข้อตกลง อย่างไรก็จะมีมือของผู้คนช่วยกันดึงให้ลุกขึ้น ช่วยกันพยุงให้เดินหน้าต่อ อย่างองอาจเสมอ และมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันเพิ่มขึ้น

ผมยอมรับว่าการทำงานร่วมกันเป็นทีม มันต้องมีประเด็นที่เห็นต่าง และอาจจะกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้ว และตัวผมเอง จะพยายามทำทุกวิถีทาง ให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก และเรื่องเล็กกลายเป็นไม่มี เพื่อให้ภาคี 8 พรรคร่วมเดินหน้าสานความหวังของประชาชนต่อไปอย่างมั่นคง

ผมยังคงเชื่อใจ และเชื่อมั่นใน ภาคี 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ จับมือกันให้แน่นครับ ด้วยแรงหนุนจากประชาชนอย่างน้อย 26 ล้านเสียง และความชอบธรรมตามระบบรัฐสภา ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเรายิ่งเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปอยู่ทุกวัน ในขณะที่ฝ่ายที่ขัดขวางเสียงของประชาชน มีแต่จะนับถอยหลังสู่วันสูญสิ้นอำนาจ ถ้าพวกเรากลมเกลียวกัน มุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ ผมเชื่อว่ารัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน จะจัดตั้งได้สำเร็จในไม่ช้าครับ

ผมเชื่ออย่างนี้จริงๆ