นายจาตุรนต์ ฉายแสง แสดงความเห็นกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด -19 ที่ขณะที่ในประเทศไทยกำลังพัฒนาไปอีกมาก มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนขึ้น โรงเรียนบางแห่งต้องปิด ธนาคารบางแห่งสั่งหยุดงาน บุคลากรของโรงพยาบาลต้องเฝ้าระวังอีกหลายสิบคนโดยไม่รู้ว่าผู้ที่แพร่เชื้อได้นั้นใกล้ชิดกับใครอีกบ้าง หรือแม้แต่สภาผู้แทนราษฎรเองก็มีผู้เข้าข่ายต้องสงสัยที่ต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะใช้มาตรการอย่างไร
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเอง เพิ่งออกมายอมรับว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง บางกระแสว่าอาจต้องยกระดับสถานการณ์เป็นระดับ 3 แต่ยังไม่มีการออกมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันการแพร่เชื้อโดยเฉพาะจากประเทศที่มีความเสี่ยงเข้ามาในประเทศไทย
ซึ่งนายจาตุรนต์ บอกด้วยว่า ตนเคยแสดงความเห็นมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ประเทศไทยควรมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าที่มีอยู่สำหรับรับมือกับไวรัสโควิด -19 แต่รัฐบาลจะไม่เข้าใจทำให้ไม่ได้ยกระดับมาตรการให้เห็นชัดเหมาะสมกับปัญหา และจะพบว่า ระยะหลังมานี้ ไทยมีวิธีปฏิบัติที่ลักลั่นสับสน เช่น บางหน่วยงานห้ามเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเดินทางไปประเทศที่เสี่ยง ที่ไปมาแล้วจะต้องแยกไปอยู่ต่างหากอย่างน้อย 14 วัน กระทรวงศึกษาประกาศให้นักเรียน ครู ผู้ปกครองต้องไปกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน หน่วยงานอื่นหรือองค์กรภาคเอกชนอื่นบางองค์กรก็มีกติกาทำนองเดียวกัน ขณะที่ส่วนใหญ่ไม่มีระเบียบหรือข้อปฏิบัติใดๆ
แต่ที่พบว่าแปลกมากคือ จนถึงขณะนี้ไม่มีข้อจำกัดหรือระเบียบปฏิบัติสำหรับชาวต่างชาติ (และคนไทยส่วนใหญ่) ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยง การคัดกรองทำเพียงวัดไข้ ซึ่งแทบจะไม่บอกอะไรเลย เพราะผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ เข้ามาแล้วก็ไม่ต้องกักตัวเฝ้าระวังเลย นอกจากนี้ ยังไม่มีระเบียบบังคับให้คนที่นั่งเครื่องบินหรือรถโดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งหากมีระเบียบก็ไม่มีหน้ากากอนามัยอยู่ดี และมีคนไทยไม่น้อยเดินทางไปเที่ยวในประเทศกลุ่มเสี่ยง ด้วยเหตุผลที่ว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าปกติ โดยไม่มีคำแนะนำหรือข้อห้ามใดๆ จากทางหน่วยงานราชการ เมื่อกลับมาส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องเฝ้าระวังหรือกักตัว
ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ จำนวนประเทศที่มีความเสี่ยงจึงมากขึ้น เมื่อประเทศไทยเกือบจะเรียกได้ว่าเปิดเสรีเช่นนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่การติดเชื้อจะยิ่งมากขึ้น เมื่อติดเชื้อไปถึงเด็กในโรงเรียนหรือผู้ที่ทำงานในที่ทำงานที่มีคนมากๆ แล้ว การจัดการก็จะยิ่งยาก ดังนั้น จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องรีบกำหนดมาตรการเสียใหม่ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าไว้วางใจเลยว่าหากมีการระบาดกว้างขวางขึ้น รัฐบาลไทยจะมีบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอ
นายจาตุรนต์ ยังกล่าวอีกว่า ดูอย่างเรื่องหน้ากากอนามัย ใครก็หาซื้อไม่ได้ แล้วถ้าต้องใช้กันมากๆ จะทำกันอย่างไร ซึ่งขณะที่ตนเขียนบทความนี้ สภายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับ ส.ส. ที่กลับจากญี่ปุ่นและเป็นไข้หวัด นายกฯ ยังชี้แจงด้วยข้อมูลเก่าเมื่อสองเดือนก่อน และรัฐมนตรีสาธารณสุขยังอ้างความสัมพันธ์ไทยจีนและพูดถึงคนจีนจากเมืองเมืองอู่ฮั่นว่าไม่มาเมืองไทยแล้ว ไม่จำเป็นต้องห้ามคนจีนมาไทย ทั้งๆ ที่ในจีนมีผู้ติดเชื้อทุกมณฑลแล้วและมีประเทศที่มีผู้ติดเชื้อหลายประเทศแล้ว ทั้งยังพูดว่ามีความพร้อมสารพัดและมั่นใจว่าควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งๆ ที่สถานการณ์ในไทยพัฒนาไปอีกมากแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง