‘วอยซ์’ ชวนสำรวจการขยับหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ของพรรคการเมือง และผู้สมัคร ส.ส. ผ่าน Ad Library – Facebook ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 66 ดังนี้
จำนวนรวมของโฆษณาในคลังโฆษณา 40,295 โพสต์ จำนวนเงินที่ใช้ไปทั้งหมด 39,077,419 บาท
ค่าใช้จ่ายตามผู้ลงโฆษณาในลักษณะพรรคการเมืองตามวันที่ทั้งหมด สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
พรรคเปลี่ยน 5,433,990 บาท โพสต์ 422 ครั้ง
พรรคไทยสร้างไทย 900,913 บาท โพสต์ 467 ครั้ง
พรรครวมไทยสร้างชาติ 786,681 บาท โพสต์ 439 ครั้ง
พรรคเพื่อไทย 485,525 บาท โพสต์ 55 ครั้ง
พรรคชาติพัฒนากล้า 271,186 บาท โพสต์ 13 ครั้ง
ภาพรวมการซื้อโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์สูงที่สุดเป็นของพรรคหน้าใหม่ ในฐานะพรรคทางเลือกหรือพรรคเฉพาะกิจ ส่วนพรรคอย่างไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มียอดรองลงมาอาจสะท้อนได้ว่า ต้องการเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เสพสื่อผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่นเดียวกับ รทสช. ของประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ที่แม้บัญชีของตัวเองจะยังไม่เปิดคอมเมนต์ แต่ก็ลงทุนในระดับสูงเพื่อหวังสร้างการรับรู้บนโลกออนไลน์อย่างมาก
พรรคเพื่อไทยที่กระแสแลนด์สไลด์ก่อตัวตั้งแต่เริ่มคิกออฟหาเสียง จึงไม่จำเป็นต้องเจ้าบุญทุ่มในแวดวงสื่อออนไลน์มากนัก เนื่องจากเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางเป็นทุนเดิมแล้ว การฉีดโฆษณาจึงมีจำนวนเพียง 55 โพสต์
โดยมุ่งเน้นที่ตัวแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” และ “เศรษฐา ทวีสิน” ประกอบกับนโยบายจุดขายเพื่อไทยสืบเนื่องจากพรรคไทยรักไทยของดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่พิสูจน์ถึงการแก้ปัญหาปากท้องยกระดับรายได้คุณภาพชีวิตคนไทยจนเป็นที่ประจักษ์
ต่างจาก รทสช. พรรคทหารจำแลง ที่มุ่งเน้นขายแต่ตัวบุคคลอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ไม่มีผลงานเด่นชัดตลอด 8 ปี ที่อยู่อำนาจ นอกจากความลำบากจากข้าวยากหมากแพงทั่วทั้งแผ่นจนได้รับฉายานักกู้จากลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ซึ่งแต่ละโพสต์ของ รทสช.เป็นแพคเกจขนาดเล็ก สร้างยอด ‘อิมเพรสชั่น’ ของเฟซบุ๊ก ได้ราว 3-5หมื่นการมองเห็นเท่านั้น ต่างจากเพื่อไทยที่มุ่งเน้นแพคเกจขนาดใหญ่ขึ้นมา สร้างการรับรู้ขยายวงกว้างราว 8-9 แสนการมองเห็น
ค่าใช้จ่ายตามผู้ลงโฆษณาในลักษณะผู้สมัคร ส.ส. ตามวันที่ทั้งหมด สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
ป้าโส fc by tacina 1,220,156 บาท โพสต์ 1,905 ครั้ง (รทสช. สุราษฎร์ธานี)
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 530,510 บาท โพสต์ 261 ครั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 506,369 บาท โพสต์ 185 ครั้ง
ร้อยเอก ดร จองชัย วงศ์ทรายทอง - ผู้กองเบิร์ด 494,548 บาท โพสต์ 282 ครั้ง (พปชร. ชลบุรี)
ดร ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา 411,360 บาท โพสต์ 114 ครั้ง(เพื่อไทย บางแค)
ฝ่ายประชาธิปไตยมี คุณหญิงสุดารัตน์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และดร ตั้น กฤชนนท์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางแค พรรคเพื่อไทย ที่ติดโผ 5 อันดับแรก ในลักษณะให้ข้อมูลเชิงนโยบายต้องการสร้างการรับรู้เพิ่มเติมจากฐานเสียงที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนอีก 3 ราย เป็นผู้สมัคร ของพรรคทหารจำแลง นำโดยผู้สมัคร รทสช. รายหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีการซื้อโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก สูงถึง 1.2 ล้านบาท เช่นเดียวกับ พปชร. เพื่อนบ้าน ก็มีผู้สมัครในพื้นที่ชลบุรี ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่าง อดีต รมต.แรงงาน ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ผ่าน “บ้านใหม่” เหิมเกริมหวังงัดข้อ “บ้านใหญ่” ตระกูลคุณปลื้ม ในสังกัดพรรคเพื่อไทยที่เปี่ยมไปด้วยกระแส
รายสุดท้ายท็อปไฟว์ ที่ขาดไม่ได้ คือ หัวหน้าพรรคเก่าแก่ ผู้เปิดประตูให้กองทัพเข้าสู่การเมืองในการรัฐประหาร 2557 เหมือนตกอยู่ในภาวะดิ้นรนอย่างหนัก คอนเทนต์ล่าสุดที่ใช้เรียกคะแนนนิยมในการซื้อโฆษณา คือ #save ประชาธิปัตย์ และที่น่าตกใจมากกว่านั้น คือ คอนเทนต์ดังกล่าว ถูกพุ่งเป้าไปยังพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นเดิมของพรรคสีฟ้า แต่การเคลื่อนไหวเช่นนี้ กำลังสะท้อนว่า พี่น้องชาวใต้ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พรรคซีกประชาธิปไตย นำโดยเพื่อไทยพร้อมสอดแทรกทุกเวลา
เมื่อสำรวจการยิงโฆษณาตามรายพื้นที่ตามมูลค่าเกิน 1 ล้าน พบว่า มีดังนี้ กรุงเทพ 11,426,279 สุราษฎร์ธานี 2,356,542 ชลบุรี 1,786518 เชียงใหม่ 1,395,982 ภูเก็ต 1,329,539 สงขลา 1,307,180 พิษณุโลก 1,015,402
สำหรับพื้นที่เมืองหลวงแน่นอนว่า ยอดโฆษณาถล่มทลายเนื่องจากเป็นพื้นที่ชิงขัย ส.ส. จำนวนมากที่สุด
แต่ที่น่าสนใจ คือ พื้นที่ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ ภูเก็ต และสงขลา ที่มีผู้สมัครจากหลากหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือกระทั่ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เอง ต่างทุ่มทุนซื้อ แข่งขันกันหาเสียงจำนวนมาก ซึ่งยิ่งสะท้อนชัดถึงขาลงของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้อย่างแท้จริง
การกำหนดค่าใช้จ่ายนับตั้งแต่ยุบสภา – วันเลือกตั้ง ของ กกต. กำหนดให้ผู้สมัคร ส.ส. เขตใช้ได้ไม่เกินคนละ 1.9 ล้านบาทต่อคน ส่วนพรรคการเมืองใช้ได้ไม่เกิน 44 ล้านบาทต่อพรรค