วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงดีอี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2567 ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ณ จังหวัดเพชรบุรี ในโอกาสนี้ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการเคเบิลใต้น้ำ ณ สถานีเคเบิลใต้น้ำ ชลี 1 เพชรบุรี ของบริษัท โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน) หรือ NT และสถานีอุตุนิยมวิทยาเพชรบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าตามนโยบายที่ได้มอบหมาย ในการขับเคลื่อน 'The New Growth Engine of Thailand' เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็น ASEAN Digital Hub
ประเสริฐ กล่าวว่า ในโอกาสการประชุม ครม.สัญจร จ.เพชรบุรี กระทรวงได้ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 8 จังหวัด โดยได้มอบนโยบายการขับเคลื่อน 'The New Growth Engine of Thailand' ที่มีเครื่องยนต์ 3 เครื่อง คือ 1. การยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัล ได้แก่โครงการเคเบิลใต้น้ำ ที่จะช่วยเติมเต็มศักยภาพโครงข่ายการติดต่อสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้าง Submarine Cable เส้นใหม่ Asia Direct Cable (ADC) ที่มีความยาว 9,400 ก.ม. เชื่อมต่อ 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
2. การสร้างความมั่นใจการพยากรณ์อากาศให้แก่พี่น้องประชาชนด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมสถานีอุตุนิยมวิทยาเพชรบุรี พบว่ามีการทำงานด้วยระบบตรวจสอบจากเครื่องมือและเรดาร์วัดสภาพอากาศ ซึ่งเล็งเห็นว่าควรพัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบสภาพอากาศด้วยการใช้เทคโนโลยี AI
(Now Forecast) เข้ามาช่วย เพื่อความแม่นยำของการพยากรณ์อากาศ ทำให้เกิดประสิทธิภาพด้านการรายงานสภาพอากาศและแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ให้กับประชาชนได้อย่างทันท่วงที
3. การพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนด้านกำลังคนดิจิทัล ได้แก่ อาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) เพื่อประสานงานและเผยแพร่ความรู้และให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่ดิจิทัลอำเภอ ตามนโยบาย '1 อำเภอ 1 IT Man' เพื่อการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค และสร้างกำลังบุคลากรด้านไอทีของประเทศ
“นโยบายที่ได้มอบหมายให้กับหน่วยงานในสังกัดพื้นที่ภาคกลางตอนล่างในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานในระดับภูมิภาคได้ขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายที่สอดคล้องกับหน่วยงานหลักในส่วนกลาง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมการพัฒนาดิจิทัลด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน เพื่อรองรับการเป็น ASEAN Digital Hub ของประเทศไทย” ประเสริฐ กล่าวย้ำ