วันที่ 24 ต.ค. ที่พรรคก้าวไกล ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการวินัย เปิดเผยความคืบหน้าของการสอบสวนกรณี สส.พรรคก้าวไกลฝั่งธนบุรี ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยคณะกรรมการวินัยมองว่า เวลานี้ได้ข้อมูลจากฝั่งผู้เสียหายค่อนข้างมากแล้ว เมื่อวานนี้เป็นประเด็นใหม่ที่มีรายละเอียดเพิ่มเติม จึงต้องแจ้งให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหารับทราบ ผู้ถูกกล่าวหาจะแก้ไขหรือให้ข้อมูลตรงกันข้ามประการใด
ณัฐวุฒิ คาดว่า คณะกรรมการวินัยจะใช้เวลาสอบผู้ถูกกล่าวหาอีกไม่นาน แล้วข้อเท็จจริงก็จะเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดรับฟังความเห็นจากพยานทั้งสองฝ่าย คณะกรรมการวินัยทั้งชุดหลักและชุดเฉพาะกิจคงจะมีการหารือกัน คาดว่าภายในปลายสัปดาห์นี้จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กรรมการบริหารพิจารณาเป็นขั้นสุดท้ายได้
ส่วนกรณีของ สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกกล่าวหาในลักษณะเดียวกัน มีรายละเอียดของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก ยังต้องพิจารณาข้อมูลในฝั่งผู้ร้องบางประเด็นที่คิดว่ามีความสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะไม่ละเอียดเพียงพอ และได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาบางส่วน เมื่อเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูล ผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ขอเวลาไปหาหลักฐานเพิ่มเติม และอาจต้องมีการสอบปากผู้ถูกร้องเพื่อให้อธิบาย คาดคะเนว่าน่าจะสรุปสำนวนต่างๆ ส่งถึงกรรมการบริหารพรรคได้ ภายในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งเป็นกรอบเวลาเดิม
ณัฐวุฒิ ยังระบุว่า เมื่อวาน (23 ต.ค.) หลังประชุม ตนเองได้นำเรื่องแจ้งให้กรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรครับทราบ ซึ่งทางหัวหน้าพรรคเน้นย้ำว่า ต้องขอให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน แต่ก็ต้องไม่ให้ชักช้า ทำบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายมากที่สุด
ส่วนหากมีผลการพิจารณาออกมาอย่างไรแล้ว ทางผู้ถูกกล่าวหาจะมีส่วนร่วมในการแถลงข่าวด้วยหรือไม่ ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันถึงขั้นนั้น แต่ทางพรรคไม่สามารถหนีความรับผิดชอบต่อสาธารณะได้ และพรรคก็จะแถลงทุกอย่าง ทั้งขั้นตอน กระบวนการ บทสรุป และหากมีการลงโทษก็ต้องมีการแถลงให้รายละเอียด ว่าผลของการกระทำผิดเป็นอย่างไร ลงโทษอย่างไร
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ เบญจา แสงจันทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้มามีส่วนร่วมในการพิจารณาเพื่อให้ทราบว่ากระบวนการของคณะกรรมการวินัยเป็นอย่างไร เราพยายามให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด ไม่ใช่ว่าเป็น สส. แล้วจะดึงเวลามากกว่ากรณีอื่นๆ ทำที่ปรากฏและไม่ปรากฏในความผิดเกี่ยวกับเพศ ก็ใช้กรอบการพิจารณาเหมือนกันทั้งหมด รับฟังอย่างรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ข้อบังคับของพรรคยังไม่เปิดช่องให้คนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาเป็นกรรมการวินัย แต่สามารถเชิญมาให้ความเห็นเป็นพยานในฐานะผู้เชี่ยวชาญได้ ซึ่งในคดีก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเชิญมาให้มุมมองแล้วเช่นกัน แต่สำหรับ 2 กรณีนี้ยังเป็นกรรมการที่เป็นสมาชิกพรรคพิจารณาเท่านั้น แล้วก็เป็นผู้ที่ทำงานในประเด็นนี้
สำหรับกรณีที่ สว. ให้ความเห็นว่าเรื่องนี้ควรนำไปพูดในสภาฯ ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความเป็นห่วงเป็นใย ทั้ง สว. เพื่อน สส. พรรคอื่น และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ความจริงเรื่องความรุนแรงทางเพศ เคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ระนามเพื่อป้องกันและขยายปัญหาเรื่องการละเมิดทางเพศและความรุนแรงทางเพศ ซึ่งตนเองและ เบญจา แสงจันทร์ ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการฯ และข้อเสนอบางข้อก็ได้นำไปสู่แผนปฏิบัติการระดับชาติ
โดยหนึ่งในข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือ เสนอให้พิจารณาโทษฐานความผิดคุกคามทางเพศ จากเดิมที่อยู่ในระดับลหุโทษ เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องของสังคม ควรยกร่างให้ความผิดฐานนี้มาอยู่ในหมวดความผิดเกี่ยวกับเพศ จะได้ปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย และทำความเข้าใจกับสังคมถึงคุณค่าใหม่ เพราะคำว่า ความรุนแรงทางเพศ คุกคาม ละเมิดทางเพศ หรือแม้แต่คำว่า ก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ ที่อยู่ในข้อบังคับพรรคก้าวไกล สังคมก็ยังเข้าใจไม่ตรงกัน สส.ของเราเองก็เช่นกัน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการหยิบยกเรื่องนี้มาทั้งระบบ
ณัฐวุฒิ ทิ้งท้ายว่า ขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใย พรรคก้าวไกลยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเต็มที่และนำเอาทุกความห่วงใยมาเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุง ป้องกันไม่ให้มีบุคลากรของพรรคกระทำแบบนี้อีก และแก้ปัญหา ยกระดับสังคมไปด้วยกัน เรื่องนี้เป็นคุณค่าหลักที่เราไม่สามารถยกเว้นหรือ ให้อภัยการกระทำแบบนั้นได้ ตอนนี้การพิจารณาในคณะกรรมการวินัยยังเหลืออีกไม่กี่ขั้น หากมีกรณีแบบนี้อีก หรือเคยเกิดขึ้น พรรคได้เปิดรับฟังคำร้องและผู้เสียหายในทุกช่องทาง แล้วจะระมัดระวังอย่างยิ่งเรื่องข้อมูลของผู้เสียหาย