ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ตรวจทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงบางปะอิน-นครราชสีมา ก่อนเปิดใช้ 28 ธ.ค.นี้ฟรี จนกว่าจะสร้างเสร็จทั้งเส้นจึงจะเก็บค่าบริการ เชื่อลดจราจรติดขัดช่วงเทศกาลปีใหม่

วันที่ 6 ธ.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และ นายสุรพงษ์ ปิยโชติ รมช.คมนาคม เดินทางตรวจติดตามความคืบหน้า เพื่อเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (มอเตอร์เวย์ M6) ช่วงบางปะอิน-นครราชสีมา โดยรวมระยะทางทั้งสิ้น 77.493 กม. ซึ่งจะพร้อมเปิดให้ทดลองใช้บริการฟรี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป 

เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง ได้รับทราบความคืบหน้าโครงการฯ ช่วงสีคิ้ว-นครราชสีมา ณ ตอน 34 อุโมงค์คลองไผ่ จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับฟังการบรรยายสรุป ภาพรวมการก่อสร้างและผลการดำเนินการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) และความพร้อมการเปิดให้บริการประชาชน ช่วงสีคิ้ว-โคราช ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 แบบเต็มรูปแบบจาก ทางเข้า-ออก M6 ตอน 24 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จนถึงทางเข้า - ออก M6 ตอน 40 ที่ กม.195+943 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 204 ที่ กม.3+230 และภาพรวมการก่อสร้างอุโมงค์คลองไผ่ บริเวณเรือนจำคลองไผ่

เศรษฐา กล่าวว่า มอร์เตอร์เวย์ M6 จะเปิดให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งในอดีตมีการเปิดให้บริการเป็นบางช่วงในช่วงเทศกาล ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการตลอดไป ซึ่งต้องตรวจสอบให้มีความแน่ใจเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบายก่อนที่จะเปิด ซึ่งได้กำชับทางกระทรวงคมนาคม ไปว่าจะช่วยบรรเทาการจราจรในช่วงปีใหม่ที่มีรถติดตลอดเวลา จากกรุงเทพฯมาโคราช จะช่วยลดเวลาไปได้เป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งจุดนี้จะเปิดยาวตลอดไปแต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งเพราะระยะทางทั้งหมดประมาณกว่า 190 กิโลเมตร วันนี้ตนมาเร่งรัดในช่วงบางปะอินถึงนครราชสีมา ให้เสร็จทันเวลา

ทั้งนี้เมื่อก่อสร้างเสร็จสิ้นทั้งหมดจากบางปะอินมาถึงนครราชสีมา จึงจะเริ่มเก็บค่าใช้บริการ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จประมาณต้นปี 2568 โดยในช่วงที่การก่อสร้างยังไม่เสร็จสิ้นประชาชนสามารถใช้ช่วงที่เปิดให้บริการแล้วไปก่อนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี ส่วนที่มีการของบประมาณเพิ่มอีกกว่า 1,700 ล้านบาทนั้นให้กระทรวงคมนาคมไปดูแลตรงนี้