ไม่พบผลการค้นหา
จอร์จ โซรอส ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยง มหาเศรษฐีที่ผันตัวมาเป็นผู้ใจบุญ ได้ตัดสินใจมอบอำนาจควบคุมอาณาจักรการกุศลและการเงินมูลค่า 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.6 แสนล้านบาท) ของเขาให้กับ อเล็กซานเดอร์ ลูกชายของตัวเอง
2023-06-12T073347Z_81330_RC2JH1A5YVWU_RTRMADP_3_USA-SOROS-SUCCESSION.JPG

โซรอสเป็นผู้สนับสนุนหลักของแนวคิดเสรีนิยมและประชาธิปไตย ผ่านการมอบเงินสนับสนุนเพื่อการกุศล ทั้งนี้ โฆษกของโซรอสยืนยันแผนการวางมือจากการคุมอาณาจักรการเงินของตัวเอง ต่อสำนักข่าว Reuters หลังจากที่หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานในช่วงแรกของการให้สัมภาษณ์กับโซรอสที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 มิ.ย.)

ปัจจุบันนี้ โซรอสมีอายุ 92 ปี โดยเขากล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่ต้องการให้ Open Society Foundations (OSF) ของเขาถูกครอบครองโดยลูก 1 ใน 5 คนของเขา แต่โซรอสกลับเปลี่ยนใจและระบุกับ The Wall Street Journal ว่าเขาเปลี่ยนใจแล้วด้วยเหตุว่าลูกชายของเขา “ควรได้รับมัน” ทั้งนี้ อเล็กซ์ซานเดอร์ โซรอส หรือ อเล็กซ์ ลูกชายของเขามีอายุ 37 ปี

มูลนิธิ OSF มีบทบาทในกว่า 120 ประเทศ และมอบเงินเพื่อการกุศลกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท) ต่อปี เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และต่อต้านการทุจริต ซึ่งรวมถึงองค์กรอย่าง Global Witness และ International Crisis Group

อเล็กซ์ยังให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal ด้วยว่าตัวเขาเองเป็นคน “ชอบการเมือง” มากกว่าพ่อของเขา และบอกว่าเขาวางแผนที่จะบริจาคเงินของครอบครัว ให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งทางการเมืองที่มีใจเอนเอียงไปทางแนวคิดฝ่ายซ้ายในสหรัฐฯ ต่อไป อเล็กซ์ยังระบุอีกว่าเขาจะขยายลำดับความสำคัญของมูลนิธิจาก "เป้าหมายเสรีนิยม" ของพ่อของเขา ให้รวมถึงสิทธิในการลงคะแนนเสียงและการทำแท้ง ตลอดจนความเท่าเทียมทางเพศ 

“แม้ผมอยากเอาเงินออกจากการเมืองมากเท่าไหร่ก็ตาม ตราบใดที่อีกฝ่ายยังทำอยู่ เราก็ต้องทำด้วย” อเล็กซ์กล่าวกับ The Wall Street Journal ทั้งนี้ คณะกรรมการของมูลนิธิ OSF เลือกอเล็กซ์ขึ้นเป็นประธานในเดือน ธ.ค. และตอนนี้เขากำลังกำกับกิจกรรมทางการเมือง ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการทางการเมืองของโซรอสในสหรัฐฯ

จอร์จ โซรอส เกิดในฮังการีเมื่อปี 2473 และรอดชีวิตจากการยึดครองของนาซี หลังจากที่ครอบครัวของเขาได้เอกสารระบุตัวตนปลอม และช่วยเหลือครอบครัวชาวยิวอื่นๆ ให้ปลอมเอกสารตัวตนเช่นเดียวกัน โซรอสระบุว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็น "ประสบการณ์ก่อร่างสร้างตัว" เขาขึ้นมามากที่สุด

โซรอสสร้างอาชีพที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักการเงิน และเริ่มงานการกุศลในปี 2522 โดยเขามอบทุนการศึกษาแก่ชาวแอฟริกาใต้ผิวดำ ที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองที่แบ่งแยกสีผิว ต่อมาเขาเริ่มทำงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการคิดและการแสดงออก โดยโซรอสให้ทุนสนับสนุนทุนทางวิชาการ ให้มีการเดินทางมาศึกษาและดูงานยังยุโรป

หลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 2532 โซรอสได้สร้างมหาวิทยาลัยยุโรปกลาง (CEU) ในบูดาเปสต์เพื่อเป็นพื้นที่ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ ทั้งนี้ โซรอสตกเป็นเป้าหมายของนักทฤษฎีสมคบคิดฝ่ายขวา และกลุ่มต่อต้านกลุ่มเซมิติกในสหรัฐฯ และฮังการีบ้านเกิดของเขา ตลอดจนประเทศอื่นๆ มาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งนี้ มูลนิธี OSF ปิดสำนักงานในบูดาเปสต์เมื่อปีนปี 2561 และย้าย CEU ไปยังเวียนนา หลังจากการรณรงค์ "หยุดโซรอส" ที่นำโดย วิกตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี และพรรค Fidesz ฝ่ายขวาดจัดของออร์บาน


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/6/12/george-soros-to-pass-control-of-his-empire-to-son-alexander?fbclid=IwAR3SLiMa3HY84KsjyNsEnY3iNprM8GphKF2xfMysBbjZuriFNIt1Ud7stTo