ไม่พบผลการค้นหา
สอจร.ภาคใต้ เผยวิธีแก้ปัญหาจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ใช้ฐานข้อมูลผู้เสียชีวิตเป็นตัวตั้ง วิเคราะห์ปัญหา พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ พบปัญหาใหญ่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ชินเส้นทางขึ้นเขา จึงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

ในการเสวนาเรื่อง "การส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย" จัดโดยมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน นางอรชร อัฐทวีลาภ หัวหน้าคณะทำงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคใต้ นำเสนอแผนการทำงานที่ผ่านมาว่า หลังได้รับงบประมาณ ได้เริ่มต้นทำงานศึกษาแล้ว วิเคราะห์ว่าควรแก้ปัญหาจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุก่อน ใช้ข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเป็นหลัก โดยร่วมมือกับเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เริ่มจากเทศบาลเมืองกระทู้ จ.ภูเก็ต เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก ทั้งถนนทางตรงและสี่แยกไฟแดง

นางอรชร กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์สาเหตุแล้ว พบว่าบริเวณแยกไฟแดงจะปิดการควบคุมไฟหลังเที่ยงคืน เนื่องจากอุบัติเหตุที่พบเกิดหลังเที่ยงคืน จึงได้ประสานกับตำรวจจราจรเพิ่มเวลาเปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าอุบัติเหตุน้อยลง ตลอดการทำงานกว่า 10 ปี แก้ไปแล้วหลายจุดเสี่ยง จะเห็นได้ว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุลดลง และอีกส่วนมาจากผลของโครงการรณรงค์การสวมหมวกกันน็อก และรณรงค์เมาไม่ขับเพื่อนพากลับบ้าน ที่ได้รับความร่วมมือทั้งจากภาคราชการและเอกชน

ทั้งนี้มีความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ สนับสนุนอุปกรณ์การตรวจจับความเร็ว เครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ห้ามขึ้นเขา ทำป้ายเตือนทางเดินคนข้าม 97 จุดทั่วภูเก็ต ร่วมถึงความร่วมมือเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาในอนาคตใน 3 เรื่อง ทั้งการจราจรหาดป่าตอง การจำกัดเวลารถขนาดใหญ่เข้าเมือง-ขึ้นเขา และรถเช่ากับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนในท้องที่ เพื่อทำความเข้าใจและนำข้อมูลข้อเท็จจริงในการแจ้งเตือนให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงความไม่ปลอดภัย รวมถึงให้เข้าใจการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การสวมหมวกกันน็อค

ด้านนายสุพจน์ ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จ.ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแม้มีกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรจำนวนมาก แต่ขาดการบังคับใช้ โดยเฉพาะปัญหาการเช่ารถของนักท่องเที่ยวที่ง่ายเกินไป เมื่อนักท่องเที่ยวไม่คุ้นเคยกับเส้นทางภูเขาทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประเทศจีนได้ตำหนิอย่างมากว่าคนของเขามาเสียชีวิตที่ประเทศไทย จึงต้องมาช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และต้องการภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วมทำงาน ซึ่งปัญหาอุบัติเหตุไม่ได้มีแค่บนบก แต่ทางน้ำเองก็มีปัญหาเช่นกัน ดังนั้นต้องร่วมมือกันในการทำงาน   

พล.ต.ต.ธีระพล ลิ้มเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า การบังคับใช้กฏหมายจราจร มีอุปสรรคมาก เนื่องจากประชาชนไม่มีความเข้าใจ โดยตำรวจทำงานฝ่ายเดียวถูกตำหนิต่อว่าอย่างมาก ต่อมาจึงได้หาภาคีเครือข่ายในการทำงาน อาทิ ขนส่ง เข้ามาร่วม ต่อมามี สอจร.เข้ามานั้น ทำให้มีแนวทางที่ทำงานชัดเจนมากขึ้น เพราะงานจราจรทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากคน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้นต้องเข้มการบังคับใช้กฎหมาย คนถูกจับ 100 คน ต้องถูกลงโทษทั้ง 100 คน เชื่อว่าจะทำให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันได้ทั้งแผ่นดิน ในส่วนนักท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎหมายจราจร มักพบว่าเมื่อทำผิดกฎหมายแล้วจะหลบเลี่ยง ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า หากพบการกระทำผิดแต่ไม่มาเสียค่าปรับหรือถูกดำเนินคดี ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้ออกนอกประเทศจนกว่าดำเนินการทางกฎหมายแล้วเสร็จ เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลัว และลดการทำผิดกฎจราจรได้ อย่างไรก็ตามการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นต้องถอดหัวโขนตัวเองออกด้วย แล้วจะทำงานประสานกับบุคคลอื่นได้อย่างราบรื่น 


สอจร

ด้านนายชัยนันท์ สุทธิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระทู้ กล่าวว่า รับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2551 ได้รับทราบข้อมูลว่า ในพื้นที่มีจุดเสี่ยง 3 จุด มีผู้เสียชีวิต 12 รายต่อปี จึงได้หาบุคคลที่มีความรู้ด้านวิศกรรมจราจร เพื่อหาทางแก้ปัญหา รวมถึงการติดตั้งป้ายแนวถนนหลักที่ไปยังป่าตอง ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร เมื่อเอาป้ายออกแล้ว ทำให้ลดการอุบัติเหตุได้จริง ไม่พบมีผู้เสียชีวิตอีก เช่นเดียวกับการขับขึ้นเขาป่าตองของรถบรรทุกปูน ที่พบว่ามีปูนไหลบนถนน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ จึงได้เชิญผู้ประกอบการมาหารือ เนื่องจากกฎหมายสามารถปรับได้สูงสุดถึง 10,000 บาท เมื่อหารือแล้วเกิดความเข้าใจ ทำให้รถบรรทุกปรับปริมาณการขนส่ง ทำให้ปูนหกน้อยลง ลดการเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน

ส่วนปัญหาที่พบมากในปัจจุบันคือ กรณีนักท่องเที่ยวไม่ชินเส้นทาง แล้วมาเช่ารถขับขี่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้การแก้ปัญหาต่างๆ ต้องทำให้ตรงจุด โดยประชาชนในพื้นที่มีส่วนสำคัญในการมีส่วนร่วม เพราะเป็นผู้รู้จริงถึงปัญหาในพื้นที่ ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุแล้ว ต้องรีบเข้าไปหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุแล้วรีบแก้ไขปัญหาทันที ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือ เรื่องงบประมาณในการทำถนนให้ดี เพราะการซ่อมแซมถนนต้องทำต่อเนื่องและต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง