ในตอนนี้จีนกำลังประสบกับการระบาดโควิด-19 ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของประเทศกำลังประสบกับงานอันถาโถม โดยในการแถลงครั้งล่าสุดของ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรการดังกล่าว ประธานาธิบดีจีนระบุกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนว่าขอให้พวกเขาทำ “เท่าที่ทำได้” เพื่อรักษาชีวิตประชาชน
สื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า สีระบุว่าประเทศจีนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใหม่ ที่จำเป็นจะต้องอาศัยการรับมือแบบเล็งเป้ามากขึ้น ทั้งนี้ ทางการจีนยกเลิกการประกาศตัวเลขเชิงสถิติการติดเชิ้อรายวัน อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่าอาจมีประชาชนเสียชีวิตจากโควิด-19 ในประเทศกว่าวันละหลายพันราย
นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 ผู้เดินทางที่เดินทางเข้ามาถึงจีน จะถูกบังคับให้ปฏิบัติตามกฎของรัฐบาลจีนในการถูกส่งตัวไปกักตัวยังศูนย์กักตัว โดยทางการจีนค่อยๆ ประกาศลดเวลาการกักตัวลงเรื่อยๆ จากเวลา 3 สัปดาห์จนเหลือ 5 วันในปัจจุบันนี้ โดยมาตรการใหม่ของจีนจะลดระดับโควิด-19 จากโรคติดเชื้อระดับ A เหลือเพียงแค่ระดับ B ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่มีการบังคับใช้มาตรการกักตัวอีกต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า การค่อยๆ ลดมาตรการในการจัดการกับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สีตกอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยสบายอกสบายใจมากนัก เนื่องจากประธานาธิบดีจีนเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันมาตรการโควิดเป็นศูนย์มาอย่างแข็งขันและยาวนาน ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุของการจำกัดเสรีภาพการใช้ชีวิตของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ดี การละทิ้งมาตรการโควิดเป็นศูนย์จะทำให้ประธานาธิบดีจีนต้องแสดงความรับผิดชอบ ต่อระลอกการระบาดใหญ่ในจีน และการเข้ารักษาตัวของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลที่ล้นเกินขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรสูงอายุที่อ่อนไหวต่อโควิด-19 มากที่สุด นอกจากนี้ การประท้วงของประชาชนที่โกรธแค้นต่อมาตรการของรัฐบาลจีน ยังเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อ่อนไหวต่ออำนาจของสีอย่างมาก
ที่มา: