วันที่ 29 ก.ย. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) แบบ Soft Opening ณ อาคาร SAT-1 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ , สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ,กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
นายกฯ กล่าวในพิธีเปิดอาคาร SAT-1 ว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความความยินดีในการเปิดอาคาร SAT-1 วันนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการท่าอากาศยานไทยทั่วประเทศ ให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นหรือที่ตนใช้บ่อยว่าควิกวิน ผ่านการกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
ทั้งนี้การพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไม่เพียง แต่สร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจ แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวคือแหล่งรายได้ที่สำคัญและสามารถกระจายสู่ภาคประชาชนได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างงานสร้างอาชีพและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวมากมาย การเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้อย่างต่อเนื่องควบคู่กับการเปิดรันเวย์ในปีหน้า
นอกจากนี้ขอให้ดูการบริหารและการบริการในสนามบินไม่ให้ติดขัดเพียงพอกับการรองรับผู้โดยสารที่จะเข้ามาจำนวนมาก ตนขอฝากผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดดูตรงนี้ด้วย เพราะตนเชื่อว่าการพัฒนาดังกล่าวจะส่งเสริมศักยภาพการบินในภูมิภาคและจะเกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนทั้งผู้ใช้บริการสายการบินและอุตสาหกรรมการผลิตตลอดจนรองรับการค้าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะยาว
นอกจากนี้ หวังว่าทุกสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยามพยามทำอยู่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้พัฒนาขึ้นและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การบินแห่งภูมิภาคในระยะเวลาอันใกล้ทุกสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคในระยะเวลาอันใกล้ และให้ความมั่นใจนักท่องเที่ยว ว่าตั้งแต่ คราวแรกที่เข้ามาในประเทศประเทศไทยและการก้าวออกไปเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในทุกมิติและจะไม่หยุดยั้งการพัฒนาในส่วนนี้
โดยนายกรัฐมนตรี ได้นำบัตรโดยสารจำลองวางบนเครื่องทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ เดินทางต่อไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อรับฟังภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งและส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน และรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ บริเวณแยกท่าเรือตำบลศรีสุนทรอำเภอถลางเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและอำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางสู่เมืองภูเก็ต และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการจราจรและการขยายเส้นทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายกระทู้-ป่าตอง รวมถึงรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามันที่ตำบลโคกกลอยอำเภอตะกั่วทุ่งจังหวัดพังงา
สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงาครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการต่างๆหลังจากที่เมื่อวันที่ 25 -26 สิงหาคม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เร่งรัดการเตรียมความตามนโยบายตวิดวินโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด
สำหรับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (อาคาร SAT-1) มีพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร 251,400 ตารางเมตร มีพื้นที่ลานจอดอากาศยานรวมกว่า 260,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เชื่อมต่อกับ Main Terminal ด้วยอุโมงค์ใต้ดินระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรทั้งขาออกและขาเข้าประเทศ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี