วันที่ 16 ส.ค. อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรคไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย หลังประชุม สส.พรรค ว่า พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้มีการพูดถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ รอพรรคเพื่อไทยติดต่อมาเพื่อพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการประสานงานมา ซึ่งรวมไทยสร้างชาติมีจุดยืนพร้อมทำงานร่วมกับพรรคที่ไม่มีพรรคก้าวไกล มีวัตถุประสงค์แก้ไขมาตรา 112
ส่วนการร่วมรัฐบาลขณะนี้พรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการแจ้ง สส.ให้เตรียมพร้อมเพื่อ พิจารณาประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นวันที่ 18 หรือ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าประธานรัฐสภาจะนัดเมื่อใด
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยติดต่อมาขอให้ยกมือโหวตก่อนร่วมรัฐบาลจะให้ยกมือสนับสนุนหรือไม่ อัครเดช กล่าวว่า พีระพันธุ์ ชี้แจงชัดเจนว่าหากจะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปสนับสนุน จะต้องมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดเผยว่าขณะนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับสัญญาณบวกจากพรรคเพื่อไทย ที่คณะผู้แทนเจรจา ได้มีการส่งสัญญาณมาว่า พร้อมจะมาเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมรัฐบาล โดยทางพรรครวมไทยสร้างชาติก็พร้อมที่จะพูดคุยเจรจาร่วมรัฐบาลให้ประเทศเดิยหน้าได้ และสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนมีการระบุวันหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ อัครเดช กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ยังไม่ติดต่อมา เพียงแต่ได้รับสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยว่าจะมีการเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น พร้อมกับกล่าวย้ำว่า หากต้องการให้รวมไทยสร้างชาติไปร่วมรัฐบาลจะต้องมีการเชิญอย่างเป็นทางการ โดยให้แกนนำพรรคเพื่อไทยมาพูดคุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรค
ส่วนเงื่อนไขการพูดคุยได้มีการกำหนดแบ่งสัดส่วนกระทรวงแล้วหรือไม่ อัครเดช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมทำงานในทุกด้าน ไม่ว่ากระทรวงใดก็แล้วแต่ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงพร้อมทำหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
เมื่อถามว่า 36 เสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้กี่เก้าอี้รัฐมนตรี อัครเดช กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่มีการหารือถึงประเด็นดังกล่าว ส่วนหลักเกณฑ์การการแบ่งกระทรวงก็เป็นไปอย่างที่พรรคเพื่อไทยชี้แจง ว่าหากหารกันแล้วตามคณิตศาสตร์การเมือง สส. 9 คนต่อ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยแต่อย่างใด
เมื่อถามต่อว่า 36 สส.ก็จะได้ 4 เก้าอี้รัฐมนตรี อัครเดช กล่าวย้ำคำเดิมว่า ตามคณิตศาสตร์ทางการเมืองก็ว่าเช่นนั้น พร้อมยอมรับว่า ก็เป็นไปตามคณิตศาสตร์การเมือง แต่เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและบ้าน ไม่ได้อยู่ที่เก้าอี้รัฐมนตรี
เมื่อถามว่า ได้มีการวางตัวรัฐมนตรี 4 เก้าอี้แล้วหรือไม่ และจะเป็นรัฐมนตรีคนเดิมหรือไม่ อัครเดช กล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยเพราะการเจรจากัน ยังไม่เกิดขึ้น ขณะนี้ได้รับเพียงสัญญาณบวกจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหาร ในการเคาะบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค
อย่างไรก็ตาม อัครเดช กล่าวว่า จะแถลงเปิดตัวการร่วมรัฐบาลเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยมติการเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 151 สามารถยื่นญัตติซ้ำได้หรือไม่ตามข้อบังคับที่ 41 วันพรุ่งนี้ ซึ่ง สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาจะนับเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อใด หากนัดเร็วการเลือกนายกรัฐมนตรีก็จะเกิดขึ้นได้เร็ว หากนัดเช้าออกไปการเจรจาระหว่างระหว่างพรรคก็จะมีระยะเวลามากขึ้น
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุถึงการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองคุยกัน จึงต้องเป็นระดับผู้บริหารพรรคที่ต้องไปเจรจาหารือ แต่วันนี้ตนมาประชุมภายในพรรคปกติ
เมื่อถามว่า การร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยจะสะดวกใจหรือไม่ สุชาติ ระบุว่า ขอให้ผู้บริหารพรรคเป็นคนตัดสินใจ ต้องดูว่าคุยกันแล้วแนวทางเป็นอย่างไรมากกว่า
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคุยกันแล้วหัวหน้าพรรคได้บอกแนวทางหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า เป็นการคุยหลักการคร่าวๆไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เลขาธิการพรรคต้องคุยมากกว่านี้ต้องไปคุยมากกว่านี้หากจะลงลึกในรายละเอียดเลขาธิการพรรคต้องไปคุยมากกว่านี้
เมื่อถามแนวโน้ม 4 เก้าอี้รัฐมนตรี จะได้กระทรวงเดิมหรือไม่ สุชาติ ตอบว่า เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนได้วิเคราะห์กันมากกว่า ก็เอาจำนวนของ สส.ที่ทุกพรรคมี รัฐบาลมีกี่ร้อยเสียงก็หาร 35 คน เป็นสูตรเดียวกันหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าใครจะได้กี่ที่เพราะยังไม่ได้คุยกันซึ่งเราต้องรอผู้บริหารพรรคไปคุย
เมื่อถามย้ำว่า สุชาติ จะได้ดูกระทรวงแรงงานเหมือนเดิมหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ยังพูดไม่ได้ เป็นเรื่องของอนาคต อยู่ที่ผู้บริหารคุยกัน ส่วนคำถามว่าแนวโน้มการร่วมรัฐบาลจะสดใสหรือไม่นั้น สุชาติ กล่าวว่า ด้วยความเคารพตนเองไม่ใช่ผู้เจรจา จึงยังไม่ทราบจริงๆ แต่เชื่อว่าถ้าจะเดินทางไปข้างหน้าด้วยกันได้
ก็ต้องมีการคุยกัน และพรรคที่เป็นแกนนำก็ต้องคุยกับทุกพรรคอยู่แล้ว ว่าอุดมการณ์พรรคไหนไปด้วยกันได้ก็ไปด้วยกัน ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือประเทศชาติบ้านเมือง ที่ต้องเดินไปให้ได้เท่านั้นเอง อย่างที่นโยบายของพรรครวมไทยทั้งชาติที่มีอยู่ คือการไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง กับสิ่งที่ทุกคนทราบ
เมื่อถามว่า ยังไงก็ไม่ควรโหวตนายกฯก่อนที่จะมีการเจรจากันหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยกันลึกขนาดนั้น และยังไม่ได้มีการพูดถึงตัวบุคคลที่จะโหวตให้ ว่าจะออกมารูปแบบไหนวันนี้ทุกคนยังไม่รู้ว่า ต้องรอดูในวันที่ 16 สิงหาคมคือวันพรุ่งนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจากมีมติ พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ปมการโหวตชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ ต้องไปตามขั้นตอน
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ติดใช่ไหมหากพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ตาม สุชาติ ระบุว่า ผู้บริหารพรรคได้แถลงไปแล้วติดแค่เรื่องเดียวคือ อย่าไปยุ่งกับเรื่องมาตรา 112 เพราะหากเราจะไปร่วมงานกับพรรคที่มีแนวคิดการเมืองตรงข้ามกันสุดโต่งไม่ไหวเท่านั้นเอง แต่ตรงอื่นเราไปเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ทั้งหมด