ผลการศึกษาล่าสุดของรัฐบาลเยอรมนีรายงานว่า ผู้ใหญ่ชาวเยอรมันจำนวนมากอ่านและเขียนภาษาเยอรมันไม่คล่อง แม้จำนวนประชากรที่อ่านเขียนภาษาเยอรมันไม่คล่องจะลดลงจากปี 2011 แต่นักวิจัยการศึกษาและนักการเมืองต่างวิจารณ์ว่า ระบบการศึกษาเยอรมันจะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ เพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหาประชากรไม่รู้หนังสือ เนื่องจากเศรษฐกิจยุคใหม่ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูงขึ้น
รายงานนี้ระบุว่า ได้สอบถามผู้ใหญ่วัย 18 - 64 ปีที่พูดภาษาเยอรมันประมาณ 7,200 คน แล้วประเมินว่า ผู้ใหญ่ชาวเยอรมัน 6.2 ล้านคนอ่านและเขียนภาษาเยอรมันไม่คล่องนัก พวกเขาสามารถอ่านและเขียนประโยคต่างๆ ได้ แต่อาจอ่านและเขียนเป็นย่อหน้าไม่คล่องนัก โดยร้อยละ 52.6 ของคนจำนวนนี้เป็นชาวเยอรมันที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่ ในจำนวนนี้ ร้อยละ 7.3 มีทักษะการอ่านเขียนภาษาเยอรมันแย่มาก
ส่วนอีกร้อยละ 47.4 เป็นครอบครัวผู้อพยพและไม่ได้ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่ อย่างไรก็ตาม ชาวเยอรมันที่มาจากครอบครัวผู้อพยพร้อยละ 78 ระบุว่า พวกเขาสามารถอ่านและเขียนหนังสือที่มีความซับซ้อนด้วยภาษาแม่ของตัวเองได้
ความยากจนและการเป็นผู้อพยพกระทบการรู้หนังสือในเยอรมนี
ปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงสถานะผู้อพยพยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกับอัตราการอ่านออกเขียนได้และความสำเร็จทางการศึกษาในเยอรมนี ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการของเยอรมนีรับรู้ว่า พวกเขาจำเป็นต้องสนับสนุนการเรียนภาษาเยอรมันให้มากขึ้น แต่ก็ยังมองผลการศึกษานี้เป็นความสำเร็จสำหรับระบบการศึกษาของเยอรมนี
ในปี 2018 มีคนอ่านออกเขียนได้ในระดับต่ำน้อยกว่า 1.3 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2011 แต่เนเลอ แมคเอลวานี ผู้อำนวยการบริหารสถาบันการวิจัยการพัฒนาโรงเรียนในเมืองดอร์ทมุนด์กล่าวว่า ตัวเลขนี้ก็ยังถือว่าสูงมากสำหรับประเทศตะวันตกฐานะร่ำรวย โดยระดับการอ่านออกเขียนได้ของผู้ใหญ่ในเยอรมนีอยู่อันดับ 18 จากประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ทั้งหมด 36 ประเทศ
แมคเอลวานีกล่าวว่า ระบบการศึกษาของเยอรมนีแบ่งนักเรียนด้วยผลการเรียนในช่วงประถมศึกษา ออกมาเป็นเส้นทางการศึกษาที่มีลำดับชั้น ทำให้การศึกษาเยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสัมพันธ์ระหว่างพื้นฐานครอบครัวกับความสามารถของนักเรียนที่แน่นแฟ้นที่สุดในโลก
ต้องเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษา
แมคเอลวานียังระบุอีกด้วยว่า จะต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับวิธีฝึกสอนครูในการปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างผู้อพยพและคนในชุมชนยากจน เนื่องจากระบบการศึกษาของเยอรมนียังคงออกแบบมาสำหรับนักเรียนทั่วๆ ไป ในสิ่งแวดล้อมทั่วๆ ไป ไม่ได้เตรียมตัวให้ครูรับมือกับสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายและความท้าทายที่หลากลาย
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการศึกษาในเยอรมนีมีความซับซ้อนอยู่ เพราะการจัดสรรงบประมาณและโครงสร้างระบบการศึกษาเป็นสิทธิของ 16 รัฐ ในเยอรมนี ซึ่งแต่ละรัฐก็จะตัดสินใจกันเอาเองโดยที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลกลางเข้าไปแทรกแซง
การรู้หนังสือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ในขณะที่เยอรมนียังไม่สามารถปฏิรูปการศึกษาได้ สถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเยอรมนีก็อาจค่อยๆ หายไป เยิร์ก มาส ผู้อำนวยการของสติฟตุงลีเซน มูลนิธิส่งเสริมการอ่านของเด็กในเยอรมนีกล่าวว่า การศึกษา เงินเดือน และการเติบโตการเศรษฐกิจในเยอรมนีมีแนวโน้มว่าจะพึ่งพาการส่งเสริมการอ่านมากกว่าที่เราเคยคิดไว้
ระดับการอ่านเขียนมีความสำคัญมากในช่วงที่เยอรมนีจะเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่เน้นอุตสาหกรรมไปเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งต้องการแรงงานที่มีทักษะอ่านเขียนในระดับสูง มีความต้องการการส่งเสริมการรู้เท่าทันนวัตกรรม ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำงาน
ชาวเยอรมัน 6.2 ล้านคนที่อ่านเขียนภาษาเยอรมันไม่คล่อง คิดเป็นร้อยละ 12 ของแรงงานทั้งหมดเยอรมนี ในจำนวน 6.2 ล้านคนนี้มีคนที่มีการทำร้อยละ 62.3 ยิ่งไปกว่านั้น ชาวเยอรมันประมาณ 10.6 ล้านคน หรือประมาณน้อยละ 20.5 ของประชากรผู้ใหญ่ในเยอรมนีที่ไม่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับการอ่านเขียนต่ำ ก็ยังไม่ได้รับการสอนทักษะการสะกดและไวยกรณ์ในช่วงที่พวกเขาเรียนชั้นประถมศึกษา
มาร์กิต สตุมป์ โฆษกด้านการศึกษาจากพรรคกรีน กล่าวว่า รายงานนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการให้การศึกษาตัวเองหรือการให้การศึกษาผ่านโซเชียลมีเดีย ดังนั้น จึงควรนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของการให้การศึกษานอกระบบ คน 6.2 ล้านคนจะต้องไม่ล้มเหลวเพียงเพราะพวกเขาไม่มีเงิน
ที่มา : Deutche Welle