ไม่พบผลการค้นหา
อย.เผยพบการโฆษณาขายยารักษา "โรคสะเก็ดเงิน" ผ่านทางเฟซบุ๊ก ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เตือนผู้บริโภคอย่าซื้อยาผ่านอินเทอร์เน็ต แนะควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร เพื่อให้ใช้ยาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้องเรียนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินให้ตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์ยารักษา “โรคสะเก็ดเงิน” ที่มีการโฆษณาเกินจริงทางเฟซบุ๊ก ในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า ยาดังกล่าวมีสรรพคุณรักษาโรคสะเก็ดเงินได้ แต่ไม่มีทะเบียน นำเข้ามาจากประเทศลาว  โดยไม่ได้รับอนุญาต ลักษณะเป็นเนื้อครีมสีน้ำตาลแดง อาจมี สเตียรอยด์ปนเปื้อน และมีผู้คนหลงเชื่อซื้อไปใช้เป็นจำนวนมาก

จากการตรวจสอบข้อมูล พบเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการขายยา ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ผลิต นำเข้าขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี ผลิต นำเข้า หรือขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคเรื้อรังทางผิวหนัง มีลักษณะเป็นผื่นแบบเป็นขุยหรือสะเก็ด ขึ้นตามร่างกาย เช่น หนังศีรษะ ศอก เข่า สะโพก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางรายอาจเป็นมากที่แผ่นหลังจนถึงสะโพก หรือบางรายอาจเป็นผื่นไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินควรได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขอย้ำว่าการขายยาต่าง ๆ ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ซึ่ง อย. มีการตรวจสอบโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาทางสื่อต่าง ๆ  อย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย. ขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อยาผ่านทางเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรโดยตรง เนื่องจากมักจะตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะยาที่ไม่มีทะเบียน ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นยาผิดกฎหมาย ผู้บริโภคอาจได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายโดยคาดไม่ถึง

หากผู้บริโภคพบเห็นพฤติกรรมการขายยาดังกล่าวขอให้แจ้งได้ที่ สายด่วน อย.1556 หรือร้องเรียน ผ่าน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวด

หมายเหตุ : ภาพสำหรับประกอบรายงานข่าวเท่านั้น