น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคอนาคตใหม่จะจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นและการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จำนวน 6,000 ตัวอย่าง ว่า ขณะนี้กำลังวางกรอบการทำงาน โดยผลโพลจะเป็นแนวทางในการทำงานของเราต่อไปและอาจมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะเรื่องการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เราพูดกันว่ามีคนสนใจ แต่อีกฝั่งหนึ่งบอกว่าคนไม่สนใจ หรือไม่สำคัญเท่าปัญหาปากท้อง ต่างฝ่ายต่างมีชุดคำพูดที่จะยืนยันว่าฝ่ายของตัวเองถูกต้อง ซึ่งเถียงกันไปมาก็ไม่ได้ประโยชน์
"โพลจะเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี หากจำกันได้ ก่อนการเลือกตั้งเคยมีการสำรวจโดยสื่อมวลชนหลายสำนัก พบว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเห็นด้วยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการที่เกือบทุกพรรคการเมืองในตอนนี้ออกมาแสดงความเห็นสอดคล้องกัน อย่างน้อยที่สุดคือเห็นด้วยให้มีการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นข้อชี้วัดได้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะพรรคการเมืองย่อมต้องประเมินว่าประชาชนคิดไปทางไหน" น.ส.พรรณิการ์กล่าว
เมื่อถามว่า หากผลการสำรวจสะท้อนว่าประชาชนรับรู้น้อย หรืออาจไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากพอ พรรคจะสื่อสารกับสังคมอย่างไรต่อไป น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การที่เราบอกว่าจะทำโพล ไม่ได้ทำเพื่อจะยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้อง แต่เพราะอยากรู้ว่าสังคมคิดอย่างไรอยู่จริง ๆ ดังนั้น ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร พรรคอนาคตใหม่จะยังทำงานเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แต่โพลจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราทำงานได้ตรงเป้ายิ่งขึ้น หากประชาชนบอกว่ายังรับรู้น้อยหรือยังเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจสำคัญกว่า
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เราจะได้รู้ว่าต้องทำงานกันอย่างไร เพื่อให้คนเข้าใจและเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าเข้ามาทำงานการเมือง ไม่ได้คิดเรื่องตำแหน่งหรือคิดเรื่องชนะเลือกตั้งเป็นครั้งๆ ไป แต่เราทำงานเรื่องการปักธงความคิด ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการปักธงความคิดอย่างหนึ่ง
เมื่อถามถึงการจัดเวทีสานเสวนาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งต่อไป น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ตอนนี้เราจัดเวทีครบทุกภาคแล้ว ถือว่าจบเฟส 1 จากนี้จะต้องประเมินผล โดยเราคาดหวังว่าหน่วยงานวิชาการ รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงสื่อมวลชน จะเริ่มขยับในส่วนของตัวเองในการทำแคมเปญนี้เช่นกัน เพราะเป้าหมายของเราคือการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้ ต้องไม่ใช่พรรคการเมืองเท่านั้นที่ทำ แต่ทุกภาคส่วนต้องลุกขึ้นมาทำร่วมกัน นอกจากนี้ อีกไม่นานจะเปิดประชุมสภาฯสมัยที่ 2 จะมีการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งจะถือเป็นเฟส 2 ของการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ