ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน' เผย สัมพันธ์ 3 ป. ไม่มีปัญหา ปฏิเสธข่าวรอรับไม้ต่อ 'ประยุทธ์' สืบทอดตำแหน่งนายกฯ - ย้ำ สร้างพรรค ต้องเน้นใหญ่ ทำนโยบายได้สะดวก

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์หลังมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ รับไม้ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีหากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุติปฏิบัติหน้าที่ ว่า เคารพทั้ง 3 ท่านเหมือนเดิม เพราะอยู่ในคณะรัฐมนตรีเดียวกัน ต้องให้เกียรติกัน ความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา การทำงานราบรื่น อย่าลืมว่า 1 ใน 3 ป. เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ 

อย่างไรก็ตาม ในสภาตนคือตัวแทนประชาชน ส่วนเรื่องการรับไม้ต่อมาเป็นนายกฯ เป็นการวิเคราะห์กันไป แต่ในฐานะนักการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าเป็นนายกฯ ก็อยากจะมาจากเสียงประชาชน เป็นได้หรือไม่ ให้เป็นเรื่องของประชาชนพิจารณา แล้วการทำงานหนักที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำ เพื่อได้เป็นนายกฯ แต่ทำเพราะมันเป็นอินเนอร์ เวลาทำแล้ว มีประโยชน์ ก็อยากทำต่อ อย่างนโยบายฟอกไตฟรี มีประชาชนมาขอบคุณ ที่เดินหน้านโยบายนี้ ช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็ต้องการทำต่อ ด้วยอำนาจหน้าที่ที่มี แต่มันจะช่วยให้ไปถึงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ เรายังไม่ได้คิดตรงนั้น แค่ทำให้เต็มที่

เมื่อถามถึงเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อนุทิน ระบุว่า เป็นพรรคการเมือง ถ้าอยากทำนโยบายได้ราบรื่น หาเสียงแล้วทำได้ ก็ต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ไว้ก่อน เราคัดเลือกผู้สมัคร โดยดูว่าต้องเป็นผู้ที่ทำงานหนักในพื้นที่ ประชาชนยอมรับ เมื่อประชาชนเชียร์คน ก็ย่อมเป็นคะแนนให้พรรคไปในตัว 

แต่เมื่อเป็นพรรคใหญ่ บางทีมันก็มีโอกาสได้เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งทางพรรคก็ยืนยันว่า เราจะไม่มากลัวจนต้องมานั่งลดขนาดของตัวเอง จะเป็นอะไร มันก็ต้องเป็น ต้องเข้าใจว่าเมื่อขนาดมันเป็นอย่างนั้น มันก็อาจจะยากหน่อย ในการตัดสินใจหลังเลือกตั้ง แต่เราเลือกแล้วที่จะเดินทางนี้ 


พอใจนโยบายเลือกตั้ง ทำสำเร็จเพียบ

อนุทิน กล่าวถึงทิศทางการเดินหน้าของพรรคภูมิใจไทย ในช่วงก่อนเข้าโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ทำนโยบายที่หาเสียงไว้เป็นรูปธรรมแล้ว ทั้งเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์ แกร๊ปถูกกฎหมาย ปลดผู้ค้ำประกันหนี้ กยศ. เพิ่มค่าตอบแทน อสม. และอีกหลายนโยบาย จากนี้ เรามุ่งมั่นจะต้องทำให้ดีขึ้น เป็นเฟส 2 ของการเดินหน้านโยบายขอเพียงให้ได้รับความไว้วางใจจาประชาชน เราลุยได้แน่นอน

ก่อนอื่น ต้องขอเริ่มจากสิ่งที่เห็นกันอยู่ตรงหน้า หรือ อสม. ที่ต้องดูแลให้ดีกว่าเดิม ในอดีตรับเดือนละ 1 พันบาท แล้วมาได้เพิ่มอีก 500 บาท ช่วงที่มีโควิด-19 ระบาด เงินที่จ่ายไป ทดแทนมาด้วยประสิทธิภาพในการทำงานที่คุ้มค่า อสม. คือจุดแข็งของประเทศไทย องค์การอนามัยโลก ยังต้องมาศึกษาการขับเคลื่อนงานของ อสม. ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องทำให้ อสม. มีค่ายิ่งกว่าคำว่ามวลชนด้านสุขภาพ ย้อนกลับไปช่วงโควิด-19 ถ้าไม่มีนักรบชุดเทา สถานการณ์จะแย่มาก มาอยู่ตรงนี้ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเห็นแล้วว่า อสม.ช่วยลดภาระงานของระบบสาธารณสุขไทยได้ ยิ่งเมื่อมีระบบเทเลเมดิซีน ยิ่งเป็นการแบ่งเบาภาระหมอ พยาบาล เป็นการลดค่าใช้จ่ายในระบบการรักษา ก็ต้องหาทางดูแลเพิ่มเติม พรรคภูมิใจไทย มองเห็นความสำคัญตรงนี้ บางคนมองไม่เห็น และไม่คิดจะช่วยเหลือด้วยซ้ำ 

อีกเรื่องคือการพักหนี้ ปลอดดอกเบี้ย เรื่องนี้ มันเกิดขึ้นได้ คนที่ไม่เคยเป็นหนี้อาจไม่เข้าใจ แต่คนที่เป็นหนี้ จะเข้าใจเจตนาของเรา เมื่อเขาไม่มีความสามารถในการจ่าย ยิ่งเพิ่มแรงกดดันไปมาก ก็ยิ่งผลักให้เขาตกนรกลงไป เจ้าหนี้ สุดท้าย ก็ต้องไปเที่ยวฟ้องล้มละลาย สังคมจะมีแต่คนล้มละลาย แล้วรัฐ จะไม่ได้อะไรกลับคืนมา

เชื่อว่าคนที่เป็นหนี้ เมื่อเป็นหนี้เมื่อไร ล้วนต้องการโอกาส มีอากาศให้ได้หายใจ มีโอกาสในการผ่อนชำระ เรากำลังพยายาม เอาเงินกลับเข้าสู่ระบบ ดีกว่าปล่อยให้หายไปเลย ขอย้ำว่านโยบายพักหนี้ของพรรคภูมิใจไทย จำกัดวงเงิน 1 ล้านบาท ต้องเป็นหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หน้าที่ของพรรคภูมิใจไทย คือเอาเงินมาคืนรัฐ และให้ประชาชน ได้กลับมามีความสุข ปกติรัฐจะช่วยผู้ประกอบการ แต่คราวนี้เราช่วยประชาชน เราคิดนโยบาย เรามองประชาชน ไม่ได้มามองว่าต้องทำนโยบายชนะใคร แต่ขอให้ทำแล้ว มันช่วยเหลือประชาชนได้ เท่านั้นพอ