25 พ.ค. เว็บไซต์ Worldometers รายงานสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพบว่ามีผู้ติดเชื้ออเพิ่มขึ้นเกือบ 5.5 ล้านราย ขณะที่จำนวนผุ้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 346,675 และเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อรักษาหายแล้วมีจำนวน 2,301,970 ราย ซึ่งสหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากสุด โดยมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1,686,436 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 99,300 ราย
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้พื้นที่ ‘ทวีปอเมริกาใต้’ เป็นพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดใหม่ของโควิด-19 หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองริโอเดอจาเนโร และเซา เปาโล ของบราซิลมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในขณะนี้ โดยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 363,618 รายและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 22,716 ราย
ขณะที่ในบราซิลกลุ่มกระบอกเสียงของชนพื้นเมืองบราซิล (APIB) กล่าวว่า ในบราซิลที่มีชาวพื้นเมืองกว่า 900,000 รายนั้น ปัจจุบันมีชาวพื้นเมืองที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากกว่า 980 ราย และมีชาวพื้นเมืองเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 125 ราย ซึ่งคิดเป็นอัตรา 6.4 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อในบราซิล
ดีนาแมน ทูซ่า ผู้ประสานงาน APIB กล่าวว่า 'ชุมชนของชาวพท้นเมืองส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ไม่มีสถานพยาบาลและไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้ และในสถานการณ์ของโรคระบาดนี้ ชาวพื้นเมืองในบราซิลไม่มีทางเลือกจึงต้องกักตัวเองให้อยู่ในพื้นที่ของตนเท่านั้น และไม่อนุญาตให้ใครเข้าถึงรวมถึงพยายามไม่ให้สมาชิกออกจากหมู่บ้านเช่นกัน'
ปัจจุบันในบราซิลมีรายงานว่าอย่างน้อย 60 กลุ่มชาวพื้นเมืองที่มีสมาชิกติดเชื้อโควิด-19 และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแอมะซอน ซึ่งการไปสถานพยาบาลนั้นจำต้องนั่งเรือและใช้เครื่องบินเท่านั้น
ด้านสหรัฐฯ วานนี้ (24 พ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศห้ามผู้ที่เดินทางหรืออาศัยอยู่ในบราซิล เป็นระยะเวลา 14 วันนั้นเดินทางเข้าสหรัฐฯ ยกเว้นการเดินทางเพื่อการพาณิชย์