ต่างประเทศ
IMF เตือน 1 ใน 3 โลกเศรษฐกิจถดถอย ผลสงครามยูเครน ราคา-ดอกเบี้ยพุ่ง โควิด-19
จอร์เจียวาระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปีนี้ เป็นผลมาจากสงครามยูเครน ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยที่มากขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลถ่วงเศรษฐกิจโลกให้ย่ำแย่ลงไปจากเดิม
เมื่อเดือนน ต.ค.ที่ผ่านมา IMF ออกมาปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ลง หลังจากแนวโน้มการฟื้นตัวยังคงไม่มีท่าทีที่ดีขึ้น
“เราคาดว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย” จอร์เจียวากล่าวในรายการข่าว Face the Nation ของสถานี CBS “แม้แต่ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอย ผู้คนหลายร้อยล้านคนก็จะรู้สึกเหมือนว่ามันถดถอย” กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวเสริม
IMF ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสงครามในยูเครน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกพยายามควบคุมราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น
นับตั้งแต่การประกาศของ IMF จีนได้ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเริ่มเปิดเศรษฐกิจของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าการติดเชื้อโควิด-19 จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในประเทศก็ตาม ทั้งนี้ จอร์เจียวาเตือนว่าจีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ จะเผชิญกับการเริ่มต้นที่ยากลำบากในปี 2566
“อีก 2-3 เดือนข้างหน้า มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับจีน และผลกระทบต่อการเติบโตของจีนจะเป็นลบ ผลกระทบต่อภูมิภาคจะเป็นลบ ผลกระทบต่อการเติบโตทั่วโลกจะเป็นลบ” กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าว
ทั้งนี้ IMF เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีสมาชิก 190 ประเทศ โดยกลุ่มสมาชิกในองค์การดังกล่าวทำงานร่วมกัน เพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่งของ IMF คือ การทำหน้าที่เป็นระบบเตือนภัยเศรษฐกิจล่วงหน้า
ตัวเลขที่เผยแพร่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ณ สิ้นปี 2565 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการในเดือน ธ.ค. แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมในโรงงานของจีนหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นการหดตัวลงในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังจากหลายปีที่โควิด-19 แพร่กระจายไปทั่วในโรงงานของประเทศจีนเอง
จากการสำรวจโดย China Index Academy บริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์อิสระที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ออกมาเปิดเผยอีกว่าในเดือนเดียวกันนั้น ราคาบ้านใน 100 เมืองของจีนลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.) จากการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อเลิกการบังคับใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เรียกร้องให้มีความพยายามและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น ในขณะที่จีนเข้าสู่สิ่งที่สีเรียกว่าเป็น “ระยะใหม่” ของการระบาดโควิด-19 ในจีน
ที่มา:
