การเมือง
'โอ๊ค' ตั้งคำถาม ใครควรตีความคุณสมบัติตาม รธน.ของผู้ถูกเสนอตัวเป็นนายกฯ
นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ชื่อก็เรียกกันตรงๆ อยู่แล้วว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” ดังนั้นการตีความเรื่อง “คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญของผู้ถูกเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี” ควรเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ตรวจการแผ่นดินกันแน่ครับ..??
ผมลองเปิดดูข้อกฎหมาย กรณีมีผู้ยื่นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้ ดังนี้
มาตรา 231...ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเรื่อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองได้เมื่อเห็นว่ามีกรณี ดังต่อไปนี้
(1) บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ให้เสนอเรื่อง พร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า....
กรณีคุณสมบัติหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา98 (12) และ (15) ดังนั้นเมื่อมีผู้ร้อง หน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ต้องทำคือ “เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย”
และ หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญคือ “พิจารณาวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวโดยไม่ชักช้า”
รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง และวินิจฉัยว่าไม่ผิดโดยไม่ชักช้า แบบที่ท่านได้ทำกันมานะครับ
ที่ผ่านมา มีกรณีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันที่ศาลตัดสินไปแล้วอยู่หลายคดี หลายคดีศาลตีความชัดเจนว่า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คำตัดสินจึงให้คุณให้โทษต่อจำเลยในบรรทัดฐานหนึ่ง ดังนั้นหาก คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแล้วไซร้ กระบวนการยุติธรรมของไทย จะต้องทำอย่างไรกับคดีที่ได้ตัดสินไปแล้วเหล่านั้น เราจึงจะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในบรรทัดฐานเดียวกันได้
จริงๆ เรื่องนี้แก้ไขได้ง่ายๆ ถ้าลุงตู่ยอมลาออกจากหัวหน้า คสช. เสียก็หมดปัญหานะครับ เท่าที่วางกลโกง..เอ๊ย!!กลยุทธ์ศรีธนนชัยแบบลุงๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ลุงตู่ก็ได้เปรียบคู่แข่งขันคนอื่นไปเยอะแล้ว
เอาแค่ลุงป้อมหา ส.ว.มาตุนในกระเป๋าให้ 250 คน ลุงตู่หา ส.ส.อีก 126 คน ในขณะที่คู่แข่งคนอื่น ต้องทำเต็มที่คือต้องได้ส.ส. 376 คน แค่นี้ต่อให้กัปตันมาร์เวล บวกกับ HULK ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี รวมกับพันธมิตรซูเปอร์ฮีโร่ฝ่ายประชาธิปไตยหมดทั้งแผ่นดิน ยังแทบจะไม่มีสิทธิ์ชนะลุงเลย
ลาออกจากหัวหน้า คสช.ไปเลย ไหนๆก็จะคืนความสุขกันอยู่แล้ว องค์กรอิสระต่างๆจะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแบกอุ้มกันเหนื่อย ถึงขั้นว่าจะเลี่ยงออก โดยใช้อภินิหารทางกฎหมาย เตรียมจะบัญญัติศัพท์ใหม่ เพื่อให้หัวหน้าคสช.ลงเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ และบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อคดีอื่นก็ไม่เสีย ชื่อคุ้นๆ หู แต่ตำแหน่งใหม่ไม่น่าฟังเลยครับ
“เจ้าหน้าที่รัฐ(นอก)เหนือรัฐธรรมนูญ”
ทั้งนี้ นายพานทองแท้ โพสต์ข้อความดังกล่าวหลังจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 88 และ 89 และมาตรา 160 ประกอบมาตรา 98 หรือไม่ เนื่องจาก ตำแหน่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย จะถือว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็น 'เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ' หรือไม่
ทั้งนี้ นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เปิดเผยผลประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และจะไม่ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยกรณีดังกล่าวเช่นกัน เพราะการที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับความหมายของคำว่า " เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ" ไปแล้วว่า จะต้องมีสถานะ ตำแหน่งหน้าที่ หรือ ลักษณะงานเดียวกันกับพนักงาน หรือ ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องมีลักษณะครบถ้วนทั้ง 4 ประการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
แต่เมื่อพิจารณาสถานะของ พลเอกประยุทธ์ แม้ว่าจะมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และ ปฏิบัติงานประจำโดยมีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือ ค่าตอบแทนตามกฎหมาย แต่ตำแหน่งดังกล่าวได้รับแต่งตั้งโดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บริหารราชการแผ่นดินตามประกาศแต่งตั้งหัวหน้า คสช.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
