วันที่ 16 ธ.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีมีรายงาน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทยเพิ่มเป็น 14 ราย ว่า  ต้องเข้าใจว่าเชื้อโอไมครอนกระจายอยู่ทั่วโลก ทางการไทยทราบดี และได้หาทางรับมืออยู่ตลอด ถ้าเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย เรามีมาตรการรองรับ คัดกรอง ดูแล รักษา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ก็สกัดการลักลอบเข้ามาตามชายแดน สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาทางอากาศ ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง เมื่อถึงไทย ก็ต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง ด้วยวิธี RT-PCR เช่นเดิม การที่เราเจอผู้ติดเชื้อ ก็เพราะว่าระบบการทำงาน มีประสิทธิภาพ 

อนุทิน ย้ำว่า ผู้ที่ติดเชื้อ เมื่อตรวจพบในระบบ หากเป็นชาวต่างชาติ ต้องรักษาด้วยเงินประกันสุขภาพของเขา ที่ต้องทำไว้ก่อนเดินทางมาที่ไทย แต่ถ้าเป็นชาวไทย จะได้รับการรักษาตามระบบประกันสุขภาพ ส่วนวัคซีนที่ไทย นำมาบริการนั้น สามารถลดอาการป่วยรุนแรง ไปจนถึงเสียชีวิตได้ และเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้คนไทย ในการรับมือกับเชื้อโควิด-19 ประชาชนต้องได้รับเข็ม 3 เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้ผู้ที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม แอสตราเซเนกา 2 เข็มครบในเดือน ก.ย. 2564 สามารถมารับเข็ม 3 ได้ เราได้ประสานกับกรุงเทพ และจังหวัดต่างๆ ให้เร่งดำเนินการแจ้งประชาชนมารับเข็ม 3 ส่วนกรมควบคุมโรค จะกระจายวัคซีนลงพื้นที่ให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามถึงความกังวลของการระบาดในช่วงเทศกาลปีใหม่ อนุทิน ตอบว่า ขอให้ประชาชนรักษามาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในการเข้าร่วมทุกกิจกรรม ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง และล้างมือ ซึ่งหากกิจกรรมที่มีการรวมกันไม่ถึง 1,000 คน จะต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 โดส และกิจกรรมที่มากกว่า 1,000 คน จะต้องปฏิบัติตามมาตรการ 1.ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ก่อนเข้างาน 2.แสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด ขอย้ำว่า มาตรการต่างๆ ไม่ได้ตึงจนเกินไป แต่ถือว่ายืดหยุ่น บนพื้นฐานของความปลอดภัย