ไม่พบผลการค้นหา
มติ ศบค. ไฟเขียวดื่มเหล้าพื้นที่ควบคุม-พื้นที่เฝ้าระวังสูง-พื้นที่เฝ้าระวัง-จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ไม่เกิน 01.00 น. ช่วง 31-ธ.ค.64-1 ม.ค. 65 เฉพาะร้านที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น กำชับเคร่งครัดมาตรการทางสาธารณสุข พร้อมเชิญชวนประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มให้เข้าฉีดเข็มกระตุ้นได้แล้ว ยันปี 65 มีวัคซีนบริการ 120ล้านโดส

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 3,398 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,143,181 ราย หายป่วยแล้ว 2,073,900 ราย เสียชีวิตสะสม 21,100 ราย ทั้งนี้ข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,172,044 ราย หายป่วยแล้ว 2,101,326 ราย และเสียชีวิตสะสม 21,194 ราย

ส่วนอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด  1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 50,801,455 ราย 2. อินเดีย จำนวน 34,694,142 ราย 3. บราซิล จำนวน 22,189,867 ราย 4. สหราชอาณาจักร จำนวน 10,819,515 ราย 5. รัสเซีย จำนวน 10,016,896 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 24 จำนวน 2,172,044 ราย

สำหรับข้อมูลผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 12 ธ.ค. 2564 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 97,403,117 โดส โดยวันที่ 12 ธ.ค. 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 21,685 รายเข็มที่ 2 จำนวน 35,659 ราย เข็มมที่ 3 จำนวน 24,023 ราย

ทวีศิลป์ ศบค 208000000.jpeg

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ประจำวันว่า การประชุม ศบค. เห็นชอบใหม้มีการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 16 ธ.ค. 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไม่มี พื้นที่ควบคุมสูงสุดจากเดิมที่ 13 จังหวัด เป็นศูนย์จังหวัด พื้นที่ควบคุมที่ 13 จังหวัด ปรับเป็น 39 จังหวัดพื้นที่เฝ้าระวังสูงจากเดิม 24 จังหวัดปรับเพิ่มเป็น 34 จังหวัดพื้นที่เฝ้าระวังไม่มี พื้นที่สีฟ้า (จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว) จากเดิม 7 จังหวัดเพิ่มเป็น 8 จังหวัด เพิ่มจังหวัดชลบุรีทั้งจังหวัด (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ 18 จังหวัด ) ขอประชาชนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวรักษาความดีไว้ ในการควบคุมตัวเลข ทำให้บางจังหวัดสามารถปรับเป็นพื้นที่สีฟ้าได้ทั้งจังหวัด ในวันที่ 1 มกราคม 256 จะเพิ่มเติมอีก 5 จังหวัด คือ ตราด ( คลองใหญ่ ) สระแก้ว (เมือง อรัญประเทศ) มุกดาหาร (เมือง) บึงกาฬ นครพนม และอุบลราชธานี (เมือง สิรินธร) รวม 31 จังหวัด 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การปรับมาตรการ สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดแซนด์บ็อก Test & Go และอื่นๆ รวมผู้เดินทางเข้าประเทศในเดือน พ.ย. 133,061 คน เชื้อ 171 คิดเป็น 0.13% ขณะที่เดือนธันวาคม ส่วนผู้เดินทางเข้าประเทศ 87,383 คน ติดเชื้อ 152 คน คิดเป็น 0.17% ทำให้เรามีความมั่นใจว่าจะมีการพัฒนารูปแบบเหล่านี้ เห็นภาพว่ามาตรการต่างๆ ที่เราได้ออกไป สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้นำชุดข้อมูลที่นำเสนอโดยกรมควบคุมโรคเพื่อขอมติที่ประชุมศบค. คือ ปรับมาตรการเข้าประเทศ คือ การพำนัก/กักตัวเป็นระยะเวลา 7 วันตามเดิม การตรวจ RT-PCR คงไว้เช่นเดิม การแบ่งกลุ่มประเภทบุคคลและเงื่อนไข ใน 3 รูปแบบ เช่นเดิมคือ แซนด์บ็อก, Test & Go, การกักตัว 

มติ ศบค 13 ธันวาคม 64 809717_2694663605029701900_n.jpgมติ ศบค 13 ธันวาคม 64  97_666739045249967650_n.jpg

ส่วนขนส่งสินค้าทางบก เรือ ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือผู้มีเหตุยกเว้น หรือได้รับอนุญาตตามเงื่อนไขเฉพาะแบ่งเพิ่มขึ้นมา ส่งนกลุ่มประเทศ เช่น Test & Go กลุ่มเสี่ยงต่ำ/สูง อ้างอิงตามการกลายพันธุ์เป็นโอมิครอน ต้องพยายามหาทางป้องกัน และแบ่งกลุ่มเข้าไปในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้จะเพิ่มช่องทางทางบกเพิ่มเข้ามา นำร่องที่ด่านหนองคาย มาตรการประกันภัยก่อนเข้าประเทศยังคงเดิม ส่วนเด็ก 6-11 ปีที่เดินทางเข้าประเทศให้มีการตรวจแบบ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมง และต้องมาพร้อมผู้ปกครอง แต่หากอายุต่ำว่า 6 ปี ไม่ต้องตรวจ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการปรับมาตรการ โควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะนี้เรามีเฉพาะพื้นที่สีส้มและสีเหลือง ไม่มีสีแดงและสีแดงเข้ม ซึ่งเป็นข่าวดี คือ ในพื้นที่สีส้ม ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร บริโภคในร้านได้เปิดให้เปิดได้ตามปกติ (ห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน) ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถพิจารณากำหนดมาตรการและเวลาเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่

ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง/ พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่ นำร่องท่องเที่ยว บริโภคในร้านได้เปิดได้ตามปกติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกรุงเทพมหานครสามารถพิจารณากำหนดมาตรการและเวลาเพิ่มเติมได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่ได้ 

นอกจากนี้ในส่วนการปรับมาตรการในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ควบคุม / พื้นที่เฝ้าระวังสูง/พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว การบริโภคสุราในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2565 สามารถเปิดบริการและบริโภคสุราได้ไม่เกิน 01.00 น. และเฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น ทั้งนี้ให้เคร่งครัดตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สาธารณะสุขกำหนด ผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 คน ผู้จัด พนักงาน นักร้อง ต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์อย่างน้อย 2 เข็ม ตรวจ ATK ก่อนเข้างาน 72 ชั่วโมง และการตรวจคัดกรองอื่นๆ

ส่วนลูกค้า ต้องไดรับการฉีดวัคซีนครบตามเกกณฑ์ มีผลตรจ ATK เป็นลบก่อนเข้างาน 72 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผอ.ศบค. เน้นย้ำว่าเรื่องเหล่านี้นอกจากหน่วยงานภาครัฐออกกฎเกณฑ์หน่วยงานภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้จัดงาน ในการเปิดกิจการกิจกรรมเหล่านี้ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนการจัดงานต่ำกว่า 1,000 คน วัคซีนจะเป็นใบเบิกทาง ให้ไปได้ทุกที่ คนจะเข้าร่วมงานรื่นเริงสังสรรค์ ต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ คืออย่างน้อย 2 เข็ม ซึ่งขณะนี้ยังพอมีเวลารณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน 

มติ ศบค 13 ธันวาคม 64 07_3665068767722360108_n.jpg267373072_464752128476450_2353896967596373438_n.jpg


มติ ศบค 13 ธันวาคม 64  วัคซีน 4679311423444969_n.jpg

ชวนประชาชนฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสกระตุ้นภูมิ

นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า แผนการให้วัคซีนโควิด-19 โดยกระตุ้นตามแนวทางใหม่ ทั้งนี้ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ระหว่างเดือน ส.ค. - ก.ย. 64 สามารถเข้ารับเข็มที่ 3 ในเดือน ธ.ค. 2564 ได้ทันที ขอเชิญชวนประชาชนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ส.ค.-ก.ย. 64  มาฉีดวัคซีนในเดือนนี้ได้แล้ว โดยสามารถวอล์กอินได้ทันที ส่วนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เมื่อ ก.ย.- ต.ค. 2564 ให้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่3 กระตุ้นได้ในเดือน ม.ค. 2565 

โดยเข็มที่ 3สามารถฉีดได้สำหรับผู้ได้รับวัคซีน ซิโนแวค ชิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็มมาแล้ว 1 เดือน ส่วนผู้ได้รับวัคซีน แอสตราเซเนกา ได้รับ 2 เข็มมาแล้ว 3 เดือน ส่วนผู้ได้รับวัคซีน mRNA ให้รับเข็มที่ 3 เมื่อได้รับ 2 เข็มมาแล้ว 6 เดือน

"ทุกคนจะได้วัคซีนครอบคลุมมากที่สุดโดยครอบคลุมการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ เข็มกระตุ้นจะมีความสำคัญ โดยตั้งเป้าให้มีผู้ได้วัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 80 และมีแผนบริการวัคซีนโควิด-19 จำนวน 120 ล้านโดสในปี 2565"