วันที่ 9 ต.ค. ที่บริเวณลานจอดเครื่องบิน ฝูงบิน 601 กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง แถลงความคืบหน้าความพร้อมปฏิบัติการช่วยคนไทยของกองทัพอากาศว่า จากการรับทราบในที่ประชุม กองทัพไทย ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแผนการอพยทคนไทย กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ซึ่งเตรียมเครื่องบินไว้ 6 ลำ ประกอบด้วย  Airbus 340 และเครื่องบิน C-130 จำนวน 6 ลำ พร้อมส่ง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เตรียมพร้อม 24 ชม. ซึ่งเครื่องบินทั้ง 2 ชุดที่จะไป มีการเตรียมพร้อมทางด้านการแพทย์อย่างดีที่สุด โดยสามารถให้การรักษาระหว่างการเดินทางสำหรับแรงงานไทยได้ 

ส่วนการอพยพ จะต้องรอให้รัฐบาลอิสราเอล อนุญาตและอำนวยความสะดวกให้ประเทศไทยสามารถเข้าไปในประเทศเขาได้ โดยขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศอยู่ในระหว่างการประสานงาน ซึ่งหากกระทรวงการต่างประเทศได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ทางกองทัพไทยก็มีความพร้อม ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถคำนวณได้ว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น หรือเบาลง โดยยอมรับว่าหากคนไทยเกือย 30,000 คน มีประสงค์จะเดินทางกลับกองทัพไทยอาจจะไม่สามารถรองรับได้หมด แต่จะมีการประสานให้สายการพาณิชย์เพื่อนำคนไทยกลับมาให้ได้ทั้งหมด 

ส่วนกรณีที่ขณะนี้ทางกระทรวงการแรงงาน แจ้งว่ามีแรงงานไทยทั้งหมด 1,099 คน ได้แจ้งความประสงค์ในการเดินทางกลับ โดยสุทิน ระบุว่า ก็อาจจะใช้เที่ยวบินหลายรอบ ซึ่งข้อมูลตัวเลข ซึ่งเครื่องบินที่เตรียมไว้ทั้งหมด 6 ลำรับได้ทั้งหมดมากกว่า 500 คนต่อ 1 เที่ยว โดยสุทินยืนยันว่าถ้ายังเป็นจำนวนนี้ยังสามารถนำพาคนไทยกลับมาได้ตามศักยภาพ แต่ถ้าหากสถานการณ์รุนแรงเข้าขั้นวิกฤต ก็อาจจะใช้วิธีเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์แทน ซึ่งด้านฟ้าอิสราเอล ณ.ขณะนี้ยังไม่ประกาศปิด เครื่องบินยังสามารถลงที่ประเทศอิสราเอลได้ซึ่งถ้าหากไม่สามารถลงที่ประเทศอิสราเอลได้ ก็จะลงที่ประเทศข้างเคียงเช่น อียิปต์ ไซปรัส และ ซาอุดีอาระเบีย 

ส่วนสถานการณ์เรื่องความปลอดภัยจากการสู้รบ อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ของทางการอิสราเอลและสถานเอกอัครราชทูตไทย อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางการไทยจะพร้อมบินไปทันทีแต่ก็ต้องรอความเห็นชอบจากทางการอิสราเอลก่อนที่จะบินไปได้ 

ส่วนการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงแบบวันต่อวันนั้นทางกระทรวงประเมินอย่างไรบ้าง สุทินตอบว่าทางกระทรวงประเมินร่วมกันกับหลายฝ่าย เช่นกระทรวงการต่างประเทศ และ สถานเอกอัครราชทูต 

ส่วนเหตุการณ์อิสราเอลในครั้งนี้จะส่งผลต่อพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ สุทิน ตอบว่า ก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง เนื่องจาก ทั้งสองฝั่งนี้มีประชาชนและพลเมืองที่มีนักธุรกิจมาทำมาหากินในประเทศไทย ซึ่งในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น มักจะเกิดผลกระทบ กับประเทศไทยด้วย ซึ่งทางกระทรวงได้เตรียมความพร้อมระมัดระวัง ดูแล แม้ว่าแนวรบจะอยู่ไกล แต่ประเทศไทยก็อาจจะเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ส่วนที่ถูกโลกออนไลน์มองว่า ทางการไทยช่วยเหลือคนไทยอิสราเอลนั้น เป็นไปด้วยความล่าช้าหรือไม่นั้น สุทิน ชี้แจงว่า การช่วยเหลือจะต้องรอขั้นตอนระหว่างประเทศ ซึ่งจากที่ตนเองตรวจสอบนั้นยังไม่ตรวจพบประเทศอื่นที่ช่วยเหลือพลเมืองของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีบางประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถนำพลเมืองของเขาออกมาจากประเทศอิสราเอลได้ เพราะขั้นตอนยังไม่เปิดให้เราทำ

 สำหรับการประเมินสถานการณ์คนไทยที่ถูกจับตัวไป 11 คน สุทิน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การประเมินสถานการณ์นั้นเป็นไปได้ยาก จากข้อมูลข่าวมีแนวโน้มว่าจะนำผู้ที่ถูกจับตัวไปนั้นจะเป็นโล่ห์มนุษย์ ซึ่งมีความเสี่ยงในทุกด้าน ทั้งนี้ต้องรอทางการอิสราเอลเป็นหน่วยงานหลักเข้าไปช่วยเหลือแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างที่อิสราเอลยึดพื้นที่คืนกลับมาอยู่

ส่วนการลำเลียงผู้เสียชีวิตทั้ง 12 คน ที่ได้รับรายงานมาอย่างไม่เป็นทางการนั้น ได้มีการหารือแล้ว โดยจะเคลื่อนย้ายแยกจากการช่วยเหลือคนไทย ซึ่งอาจจะเป็นเที่ยวบินคนละรอบ ขณะเดียกัน จากข้อมูลทราบว่า แรงงานไทยในอิสราเอลบางส่วน มีความประสงค์ที่จะย้ายไปในพื้นที่ปลอดภัย มากกว่าที่จะเดินทางกลับประเทศไทย

ด้าน นาวาอากาศตรี ภาณุพงษ์ จันทร์ศรีทอง รองผู้บังคับฝูงบิน 601 ระบุว่า การปล่อยเที่ยวบินไปยังอิสราเอลของไทยในครั้งนี้นั้น ต้องแวะเติมน้ำมันที่อินเดีย สั่งการเตรียมกำลังพล เวลาบินรวมบิน 14 ช.ม. 

เครื่องบิน C130 มีจำนวน 120 ที่นั่ง มีเจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยนักบิน กัปตัน ต้นหน ช่างประจำอากาศยาน เจ้าหน้าที่สื่อสาร และเจ้าหน้าที่กรมปฏิบัติการพิเศษ (คุ้มครองความปลอดภัย) เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การบิน แพทย์ทหาร รองรับผู้โดยสาร 77 คน 

อย่างไรก็ตามในพื้นที่อิสราเอล ขณะนี้มีการโจมตีทางอากาศ จึงวางแผนไปรับรอบๆ อิสราเอล (จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์) ทั้งนี้ ไทยเตรียม เตรียม c130 ไว้ 5 ลำ รองรับคนไทย 385 คน

ด้าน นาวาอากาศตรี นพนันทน์ เลี้ยงอยู่ ผู้บังคับอากาศยาน ฝูงบิน 602 กล่าวว่า เครื่องบิน  Airbus 340 จุผู้โดยสารได้ 135-140 คน บินตรงสู่อิสราเอลใช้เวลา 9-10 ชม. ไม่ต้องแวะเติมน้ำมัน มีเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย นักบิน กัปตัน 2 ผู้ช่วยนักบิน 2 - ช่าง ลูกเรือ ฝูงบิน 29 คน และเจ้าหน้าที่แพทย์