วันที่ 11 ก.ค. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หมายเลขดำอ.1853/2563 ที่ พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ฟ้อง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน "หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา"
กรณีที่ นพ.วรงค์ เปิดเผยข้อมูลว่า คณะก้าวหน้ามีการบิดเบือนเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์ ที่จัดระดมทุนช่วยเหลือนักดนตรีช่วงโควิด-19 โดยจำเลยให้การปฏิเสธในคดีนี้ ศาลอาญาพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนที่ย่อมกระทำได้ จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษา "ยกฟ้อง" แต่ทั้งนี้โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ต่อมาเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุธรณ์ โดยระบุว่า น.ส.พรรณิการ์เป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนรู้จัก การที่ นพ.วรงค์เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการแสดงความเห็นสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็ยวิสัยของประชาชนที่ย่อมทำได้อีกทั้งรายชื่อ 11 คนที่รับเงินบริจาคไปตามที่ นพ.วรงค์กล่าวอ้าง ตรวจสอบแล้วไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร จึงไม่มีตัวตน ศาลจึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่พิพากษา "ยกฟ้อง"
ด้าน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การฟ้องดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มที่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112 เป็นการฟ้องเพื่อปิดปากตนที่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่างๆ จึงอยากเรียกร้องให้จากนี้ต่อไปกลุ่มดังกล่าวออกมาต่อสู้กันด้วยอุดมการณ์ทางความคิดอย่างเป็นธรรมส่วนตัวถูกกลุ่มดังกล่าวฟ้องมา 3 คดี ได้แก่คดีของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พรรณิการ์ แกนนำคณะก้าวหน้า
นพ.วรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คดีของ พิธา และ พรรณิการ์ศาลยกฟ้องแล้ว เหลือเพียงคดีของนายธนาธร ที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ฉะนั้นขอให้ ธนาธรถอนฟ้องคดีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะตนคิดว่าอย่างไรก็แพ้คดี