3 พ.ย. 2566 ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มอบเงินช่วยเหลือให้แก่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (United Nations Relief and Works Agency for Palestine Refugees in the Near East: UNRWA) จำนวน 3,000,000 บาท โดยมีนายจูเซ็ปเป้ เด วินเซ็นทิส ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ

จากนั้นปานปรีย์ ได้แถลงข่าวพัฒนาการความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา ระบุว่าเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.66 ได้เดินทางไปเยือนกาตาร์ และอียิปต์ โดยได้หารือกับเชค มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะฮ์มาน บิน ญาสซิม อาล ษานั นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ ดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลอะซีซ อาล คุลัยพี รัฐมนตรีแห่งรัฐกาตาร์ และ ดร.ฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดี พร้อมให้การช่วยเหลือไทยอย่างเต็มที่ 

ปานปรีย์ ระบุว่าน่าแปลกใจที่รัฐมนตรีหลายท่านไม่ทราบว่าแรงงานไทยทำงานอะไรในอิสราเอล จึงชี้แจงว่าเป็นแรงงานภาคการเกษตรที่มาจากครอบครัวรายได้น้อย ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและความขัดแย้ง ขอความกรุณาทั้ง 3 ประเทศสื่อสารไปยังกลุ่มแกนนำฮามาสให้ปล่อยตัวประกันไทยโดยเร็วที่สุด วันนี้หรือพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี ทั้งนี้เท่าที่ทราบมากลุ่มฮามาสที่จับตัวประกันไทยไปมีอย่างน้อย 2 กลุ่ม ดังนั้นจึงต้องแยกกันเจรจา โดยมิตรประเทศยังแสดงความจำนงให้ไทยสนับสนุนให้มีการหยุดยิงโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสในการปล่อยตัวประกันเร็วขึ้น 

จากการหารือกาตาร์ ให้คำยืนยันกับเราว่า กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันไทยเป็นกลุ่มแรก ส่วนอียิปต์ จะให้ไทยเดินทางไปรับตัวประกันถึงชายแดนที่ติดกับฉนวนกาซา ทันทีที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกัน 

ปานปรีย์ ยังได้ขอบคุณคณะเจรจาของนายวันมูฮะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ยินดีที่ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ขอบคุณทุกท่านที่มีความตั้งใจ ช่วยเหลือให้คนไทยกลับมาอย่างปลอดภัย ย้ำว่าทั้ง 3 ประเทศที่ได้ไปหารือ เป็นประเทศที่มีอิทธิพล สามารถพูดคุยได้กับทั้งกลุ่มฮามาสและปาเลสไตน์ และมีแผนที่จะพูดคุยกับประเทศในอ่าวอาหรับเพิ่มเติมด้วย