ไม่พบผลการค้นหา
คุณหญิงสุดารัตน์ ปราศรัยต่อหน้าชาวขอนแก่นนับหมื่น ชวนใช้สิทธิ 24 มี.ค. มองอนาคต 4 ปีประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยป้อนคนทั่วโลก ย้ำแนวทางยกระดับราคาสินค้าเกษตร ทั้งข้าว อ้อย ยางพารา

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่นพร้อม นายภาควัต ศรีสุรพล ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดขอนแก่น พรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนและผู้สนับสนุนร่วมรับฟังกว่าหมื่นคน

ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ยืนยันแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทั้งราคาอ้อย ราคาข้าว และพืชหลักชนิดต่างๆ พรรคเพื่อไทยทราบว่าพี่น้องประชาชนเหนื่อยแสนสาหัส เดินต่อไม่ไหวจึงกำหนดมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมา

"ขอเวลาไม่นานเพราะนาฬิกาเราเดินตรง ไม่ใช่นาฬิกาที่ไปยืมเพื่อนมา" 

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะจับมือพาพี่น้องทำมาหากินจะเติมทุน ให้ประชาชนด้วยสถาบันพัฒนารายได้ประจำจังหวัด ให้พี่น้องมีทุนในการต่อยอดเดินหน้าเป็นแหล่งทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นธรรมไม่ต้องไปพึ่งเงินทุนนอกระบบ ให้ถูกขูดรีด นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีอำนาจต่อรองโดยเฉพาะการกำหนดราคาขายด้วยตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการกำหนดของโรงงานหรือพ่อค้าคนกลางเหมือนที่ผ่านมา

ดังนั้นวันที่ 24 มีนาคมจะต้องพากันออกไปทวงความสุขที่แท้จริงกลับคืนมา ถึงเวลาออกไปช่วยกันทวงเงินในกระเป๋าให้กลับมาตุงอีกครั้ง โดยต้องเลือกอย่างถล่มทลายเพราะหากเลือกแค่เพียงชนะจะไม่ได้เป็นรัฐบาล

ภายหลังการปราศรัย คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในระยะเวลา 4 ปีจะปรับเปลี่ยนภาคการเกษตร เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารสุขภาพหรืออาหารปลอดภัย ป้อนคนทั้งโลกซึ่งพรรคได้ทำแผนงานไว้หมดแล้ว

โดยจะเดินหน้าแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะปรับเปลี่ยนตั้งกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน เพราะเข้าใจว่าตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรลำบาก จึงยืนยันว่าภายใน 6 เดือนหากได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นทุกชนิด อย่างน้อย 30% โดยมีราคาเป้าหมายของสินค้าเช่น อ้อย ตันละ 1,000 บาท ยางพาราต้องมีราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนข้าว จะช่วยเหลือด้านการพัฒนาการผลิตจะให้ค่าพัฒนาการผลิต ตันละ 5,000 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจะช่วยเกษตรกรรายเล็กจึงกำหนดเพดานไม่เกิน 15 ตัน หรือไม่เกิน 75,000 บาท 

หากเป็นเกษตรกรรายเล็กที่ทำนาไม่เกิน 7 ไร่หรือ 36,000 บาท สำหรับนำไปปรับเปลี่ยนการผลิต เพื่อเดินหน้าไปสู่การผลิตอาหารสุขภาพ และในอนาคตวางราคาเป้าหมายให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์จะต้องได้อย่างน้อยตันละ 10,000 บาท ส่วนข้าวหอมมะลิต้องได้อย่างน้อยตันละ 17,000 บาท ซึ่งมั่นใจว่าหากมีโอกาสทำงานจะสามารถทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นได้ ทั้งนี้ก่อนเกษตรกรจะตั้งหลักได้พรรคเพื่อไทยจะพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกร เผชิญภาระหนี้สิน เพราะ "ยิ่งทำยิ่งเจ๊งยิ่งทำยิ่งจน"