นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกระแสพรรคเล็กยุบตัวเองไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐว่า ในส่วนของพรรคพลังธรรมใหม่ ไม่เคยคิดยุบพรรคไปรวมกับพรรคการเมืองใด เพราะการก่อตั้งพรรคพลังธรรมใหม่มาจากความต้องการที่จะสร้างการเมืองใหม่ ใช้คุณธรรมนำการเมือง ยึดความซื่อสัตย์สุจริต มีแนวทางเป็นของตัวเอง เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลเราก็ยังรักษาความเป็นตัวตนและมีบทบาททางการเมืองได้ ดังจะเห็นได้จากการผลักดันให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าสภาผู้แทนราษฎร หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่า กรรมาธิการศึกษาค่าโง่ทางด่วน และกำลังจะผลักดันให้มีการตั้งกรรมาธิการศึกษาโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งบทบาทเหล่านี้เราสามารถทำได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัด แตกต่างจากการไปเป็นสส.ในสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ ที่ต้องปฏิบัติตามกรอบที่พรรคขีดให้
" พลังธรรมมีจุดยืน นโยบายหลายข้อของพลังธรรมใหม่กับพลังประชารัฐต่างกัน เรายินดีแค่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้มีรัฐบาลที่ทำดีในการบริหารประเทศ ถ้าทำไม่ดี เราก็ออก นี่คือจุดยืนของพลังธรรมใหม่เราเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล แต่เราทำทุกอย่างโดยมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่วันสองวันก็ออกมาแถลงด่ารัฐบาล อย่างนี้ไม่มี เราจะทำทุกอย่าง แต่ที่เราจะออกมาเคลื่อนไหวคือช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหา ป้องกันการทุจริต ปราบปรามคอร์รัปชั่น อย่างเรื่องแก้ปัญหาพลังงาน เราจะช่วยรัฐบาล เราไม่ได้ขัดรัฐบาล เราเสริมรัฐบาล มีคนมาคอยดูให้ มีคนมาจุดประกายให้รัฐบาล มันเสริมกัน ไม่ได้ขัดกันเลย” นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า พรรคพลังธรรมใหม่จะเป็นตัวแทนประชาชนในการท้วงติง คัดท้ายเรือให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น การดำรงอยู่ของพรรคเล็ก จึงมีความหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง
นอกจากนี้ นพ.ระวี ยังสนับสนุนแนวคิดของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ประกาศตัวปลดแอกออกจาก 7 พรรคฝ่ายค้าน เพื่อทำงานการเมืองอย่างอิสระ สิ่งไหนเห็นด้วยกับฝ่ายค้านก็เคลื่อนไหวด้วยกัน แต่ถ้าสิ่งใดที่รัฐบาลทำดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องคัดค้าน ซึ่งเป็นแนวทางการเมืองรูปแบบที่จะทำให้สภาเป็นที่ทำงานของตัวแทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง โดยไม่แบ่งแยกความเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของแต่ละพรรคว่าเดินหน้าได้ตามเจตจำนงที่วางไว้หรือไม่