ไม่พบผลการค้นหา
ศูนย์โควิด-19 เพื่อไทย เสนอตั้งคณะกรรมการบริหารเครื่องมือและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อกระจายเวชภัณฑ์ให้ทั่วถึง และคณะกรรมการบริหารการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เลขานุการศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและติดตามการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 พรรคเพื่อไทย (ศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19) กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์นี้ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อโจมตีรัฐบาล แต่เพื่อช่วยเหลือประชาชน และรัฐบาลในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือจากผลกระทบของการระบาดของโรค เพื่อจะช่วยประสานและแจ้งไปยังรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลทำงานได้อย่างตรงจุดและเข้มข้นมากขึ้น 

ทั้งนี้ ศูนย์ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 มีข้อเสนอให้รัฐบาลมีการดำเนินการเพิ่มเติมในประเด็นดังต่อไปนี้

​1. รัฐควรแสดงแผนฯ และมาตราการในการลดการติดเชื้อและการควบคุมโรค 

​1.1 รัฐควรประกาศเปิด ‘ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดเชื้อ COVID-19’ เพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงที่ต้องการการคัดกรองตามหลักระบาดวิทยา 

​1.2 ระงับการเพิ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้าประเทศ คือ ประกาศการงดรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ หรือ การประกาศกักตัวนักท่องเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยง

​1.3 แสดงการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาลและเวชภัณฑ์ 

​1.3.1 ควรจัดตั้งคณะกรรมการบริหารเครื่องมือและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในสภาวะฉุกเฉิน 

​1.3.2 ต้องเร่งฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

​1.4 ศูนย์ปฏิบัติการของรัฐบาล ต้องเปิดเผยข้อมูลเชิงระบาดวิทยาเมื่อพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างรวดเร็ว 

​1.5 เสนอให้ระงับการกระจายของเชื้ออย่างเข้มข้นในเขตพื้นที่ที่มีการตรวจพบเชื้อ คือ การระงับทุกกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มทุกประเภท และเร่งทำความสะอาด ฉีดยาฆ่าเชื้อ ในทุกส่วนพื้นที่สาธารณะ ทำความสะอาดธนบัตรและอื่นๆที่จำเป็น

​1.6 ขอความร่วมมือให้ประชาชนจำกัดการเคลื่อนที่ของตัวเอง 

​2. รัฐต้องแสดงแผนฯ และมาตรการลดผลกระทบความสูญเสียของโรค 

​2.1 แผนฯ และมาตรการที่แสดงความพร้อมของการลดการสูญเสียชีวิต 

​2.1.1 เสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน ทั้งในเรื่องการกำหนดเกณฑ์คัดกรองผู้ป่วย การจัดเตรียมสถานพยาบาลและบุคลากรรองรับ และการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยในภาพรวมของประเทศ

​2.1.2 แสดงให้เห็นศักยภาพในการรับผู้ป่วยเป็นรายพื้นที่ และต้องมีแผนการคัดกรองความจำเป็นในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ชัดเจน รวมถึงการแยกตึกผู้ป่วยปกติและโควิด-19 จากกัน 

2.1.3 มาตรการดูแลกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงาน

​2.2 แผนฯและมาตรการที่แสดงความพร้อมในการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะทำงานฯ หามาตรการช่วยเหลือให้ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ทั้งในระยะสั้นและจัดเตรียมแผนฯฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่กันไป

ด้านนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ ประธานศูนย์ฯ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็นตรงกับรัฐบาลที่ออกมาตรการปิดสถานบริการ เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อ และต้องจัดการให้จบเร็ว คนไทยปลอดภัย และให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการค้นหาผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงให้รวดเร็ว เพื่อไม่ให้กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น โดยศูนย์นี้จะทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาลและรับเรื่องร้องเรียน โดยที่ผ่านมา ตนได้รับการร้องเรียนจากคนไทยที่ไปทำงานผิดกฎหมายที่ประเทศเกาหลีใต้จำนวน 12 คน ว่าหลังจากลงทะเบียนกลับประเทศ กักตัว 14 วัน ตรวจเชื้อ และเตรียมการกลับประเทศไทย แต่กลับถูกทางการไทยปฏิเสธก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับ ทำให้ต้องถูกทางการเกาหลีใต้กักตัวต่อในห้องขังที่เมืองชองจู มีความลำบากในการใช้ชีวิต

นอกจากนี้ยังมีอีกกรณี ผู้ร้องเรียนเป็นญาติของคนไทยที่เสียชีวิตในย่านชานเมือง โดยไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน แพทย์มีความเห็นว่าเข้าข่ายเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงย้ายไปตรวจที่โรงพยาบาลรัฐ แต่กลับไม่ตรวจโควิดให้ ทั้งที่ญาติร้องขอ และสุดท้ายเสียชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าหัวใจล้มเหลว แต่ทางญาติไม่สบายใจว่าผู้เสียชีวิตติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ และกังวลว่าตนเองอาจติดเชื้อไปด้วย ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ทางศูนย์จะประสานงานไปยังหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ

ขณะเดียวกัน ส.ส. พรรคเพื่อไทยในแต่ละพื้นที่ก็กำลังประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อช่วยกันค้นหากลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ หรือผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อรับไปดูแล ขณะเดียวกันทางศูนย์ก็จะมีการนัดพบกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อแลกเปลี่ยนและหารือ ประสานการทำงานกับรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลมักจะแถลงว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ถ้าได้แลกเปลี่ยนมุมมองจากทางศูนย์จะได้ทำงานเข้มข้นและตรงจุดมากขึ้น