24 มี.ค. 2566 ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ แนะนำนโยบายพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ครบทั้ง 10 เขต โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เบญจา แสงจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ สุเทพ อู่อ้น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมปราศรัย
ธนาธร กล่าวว่า โครงสร้างสังคมไทยทุกวันนี้ไม่เป็นธรรม ทำให้คนไทยจำนวนมากที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ไม่สามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ นี่คือความจำเป็นที่ทำให้เราเสนอสร้างรัฐสวัสดิการมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อทำให้คนกล้าเดินตามความฝัน ดึงศักยภาพของคนไทยทุกคนออกมา รองรับกับทุกความไม่แน่นอนในชีวิต
ควบคู่กับการสร้างรัฐสวัสดิการ เราต้องสร้างอุตสาหกรรมขึ้นในประเทศให้ได้ ถ้าย้อนหลังไป 45 ปีที่แล้ว ไต้หวันกับประเทศไทยมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแทบไม่ต่างกัน แต่ผ่านมาหนึ่งช่วงอายุคน วันนี้ไต้หวันมีรายได้ต่อหัวประชากรมากกว่าคนไทย 6 เท่า คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่การสร้างเทคโนโลยีขึ้นในประเทศ ไต้หวันเป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ การผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมทันสมัย ศูนย์กลางของซัพพลายเชน ในขณะที่ทุกวันนี้ประเทศไทยไทยแทบไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ลองไปดูในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นับได้เลยว่ามีกี่บริษัทเป็นของคนไทย เมื่อเป็นแบบนี้ ประเทศจะไปข้างหน้าได้อย่างไร
ปัจจุบันเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนไป โลกกำลังเปลี่ยนไป เราต้องรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลองนึกภาพว่าถ้าประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ เชื่อมโยงทุกชุมชนทุกสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้คนไทยเข้าถึงขนส่งสาธารณะที่สะอาดและประหยัด โดยไม่ต้องซื้อรถเมล์จากต่างประเทศ เราผลิตที่ประเทศไทย สร้างอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยได้ คนไทยจะได้มีงานที่มั่นคง นี่ต่างหากคือวิธีแก้ปัญหาหนี้สิน เป็นวิธีสร้างอนาคต พาไทยไปแข่งขันกับโลก รวมถึงอุตสาหกรรมการจัดการขยะ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราก้าวไปก่อนเพื่อน จะพบว่ามีโอกาสอีกมากที่เราจะดึงมูลค่าจากตลาดโลกเข้ามาแบ่งกันในประเทศไทย นี่ต่างหากที่จะทำให้คนไทยร่ำรวย นักลงทุนต่างชาติแม้ยังจำเป็นต่อการสร้างงานในประเทศไทย แต่จะฝากอนาคตของประเทศไทยไว้กับทุนต่างชาติไม่ได้
ธนาธรกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พูดอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่พรรคก้าวไกลพูดไปทั้งหมด ในเรื่องรัฐสวัสดิการและการสร้างงาน สร้างเทคโนโลยี ซ่อมประเทศ จะทำไม่ได้เลยถ้าการเมืองยังเป็นอย่างนี้ การจะพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ จำเป็นที่ประเทศไทยต้องพร้อมเผชิญหน้ากับการปฏิรูปที่ยากๆ ที่สำคัญหลายเรื่อง
ตนกล้าพูดว่าถ้ามีพรรคที่กล้าทำเรื่องยากๆ แบบนี้ ก็คงไม่มีอนาคตใหม่เกิดขึ้น แต่ที่มีอนาคตใหม่เกิดขึ้นมา ก็เพราะเราไม่เห็นว่ามีพรรคไหนที่กล้าทำเรื่องยากๆ แต่เป็นเรื่องจำเป็นในประเทศไทยเลยต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
“ถ้าการเมืองกับปากท้องมันแยกออกจากกันได้ ถ้าการแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องแก้ปัญหาการเมืองทำให้ชีวิตคนไทยดีได้จริง คนไทยคงจะรวยไปนานแล้ว แต่ที่คนไทยไม่รวยเพราะปัญหาการเมืองเป็นแบบนี้ และต้องบอกว่ารัฐสวัสดิการ การลงทุนด้านเทคโนโลยี การสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่เริ่มต้นที่ระบบการเมืองที่ดี” ธนาธรกล่าว
ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ประเทศนี้มีหลายอย่างที่ต้องได้รับการปฏิรูป แก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะการแก้แบบขอไปทีแก้ปัญหาของประเทศไทยไม่ได้ และหนึ่งในปัญหาที่ต้องพูดถึงวันนี้คือปัญหาของนักการเมือง ทุกวันนี้นักการเมืองจำนวนมากไม่เคยสำนึกผิดในการรับใช้เผด็จการ ในการเป็นนั่งร้านให้การสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดตกต่ำ
14 พฤษภาคมนี้ เราสร้างอนาคตที่สดใสให้ลูกหลานของเราได้ด้วยบัตรเลือกตั้งของเรา อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับการกากบาทของทุกคน นี่คือจุดชี้เป็นชี้ตายของอนาคต หน้าที่ของคนจากรุ่นสู่รุ่นคือการสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป ให้มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าคนรุ่นเรา แล้ววันนี้เราทำอะไรอยู่ เราทำดีที่สุดในการส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไปแล้วหรือยัง
“พรรคก้าวไกลต้องการอำนาจ ไม่ใช่เอามารับใช้ตัวเอง แต่รับใช้ประชาชน ถ้าเราช่วยกัน ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง หนึ่งในรูปธรรมที่จับต้องได้ที่สุด เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนต่ำที่สุด คือการเลือกตั้งโดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพล เลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่ความกลัว ความเจ็บปวดของพี่น้องประชาชนคืออดีต คือปัจจุบัน แต่อย่าให้มันเป็นอนาคตของลูกหลานเราอีกเลย” ธนาธรกล่าว