ไม่พบผลการค้นหา
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุถึงกรณีการพิจารณายุบทษช. กกต.ต้องไม่ถูกแทรกแซงจากบุคคลใด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธร่วมวงดีเบต 'อภิสิทธิ์' ย้ำการแลกเปลี่ยนเป็นผลดีต่อการตัดสินใจของประชาชน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนางนาถยา แดงบุหงา ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.เขตสะพานสูง ลงพื้นที่หาเสียงภายในหมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 112 ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (13 ก.พ. 2562) โดยนำแผ่นผับใบปลิวนำเสนอนโยบายต่าง ๆ มายืนแจกให้กับประชาชนที่ขับรถยนต์กำลังเดินทางไปทำงาน พร้อมกับเดินพบปะพูดคุยกับประชาชนในระแวกดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างด้วยความอบอุ่น มีประชาชนบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจ

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เตรียมยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย แต่ กกต. จะต้องไม่ถูกแทรกแซงจากบุคคลอื่น และจะต้องชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณชนได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคการเมือง ก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงใด ๆ อย่างแน่นอน

ส่วนกรณีคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ เพิ่มวงเงินการรักษาพยาบาลของบัตรทอง อีก 1.9 แสนล้านบาท จะเป็นการสร้างความได้เปรียบหรือไม่นั้น เชื่อว่า ประชาชนจะตัดสินได้ถึงมีโครงการที่ผิดแปลกไปจากเดิมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาล คสช. ก็มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ ส่วนตัวก็ทำได้ แค่เพียงขอให้รัฐบาล คสช. ทำให้การเลือกตั้งเกิดความเป็นธรรมมากที่สุด

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมายืนยันจะไม่ร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองนั้น ขอระบุว่า การดีเบตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพรรคการเมืองถือเป็นพื้นที่ของระบอบประชาธิปไตย เพราะบุคคลที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศ ต้องมีความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และ นโยบายกับพรรคการเมืองอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูล และ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกบุคคลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ  

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าอย่าไปฟังคนที่พูดมาก แต่ไม่ปฏิบัตินั้น ตนคิดว่าในช่วง4-5 ปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครพูดมากเท่าท่าน และคนที่พูดไม่เก่งไม่ดีก็ไม่ได้แปลว่าจะทำงานดี

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังเปิดเผยถึงกรณีเมื่อวานนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีคำสั่งระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีเป็นเวลา 15 วัน ว่า จากมุมมองส่วนตัวคาดว่า ผู้บริหารช่องวอยซ์ทีวีจะใช้สิทธิตามกฎหมายขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และอยากให้ศาลปกครองพิจารณาโดยเร็ว ว่าจะดำเนินการไปในทิศทางใด เพื่อให้สื่อมวลชนรับรู้กรอบกฎหมายในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร