มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 94 ปีกล่าวว่า เขาทำงานหนักมากวันละ 18 ชั่วโมง นั่นก็เป็นเพราะเขามีเวลาไม่มากนักก่อนที่จะต้องลงจากตำแหน่ง เขาเคยสัญญาไว้ว่าจะลงจากตำแหน่งก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อปี 2023 เพื่อเปิดทางให้แคนดิเดทอีกคนขึ้นมาดำรงตำแหน่งต่อ เขาจึงคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลาประมาณ 3 ปี
สัมภาษณ์ของมหาเธร์ออกมาในครั้งนี้ ขัดกับที่อันวาร์ อิบราฮิม แกนนำพันธมิตรปากาตัน ฮารัปปันวัย 72 ปีออกมาให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก เทเลวิชันเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า เขาคาดว่า มหาเธร์จะลงตำแหน่งช่วงเดือนพ.ค. 2020 หรือประมาณ 2 ปี หลังจากที่ปากาตัน ฮารัปปันชนะการเลือกตั้ง แต่เขาไม่คิดว่าเขาควรจะเฉพาะเจาะจงลงไปว่า มหาเธร์ควรต้องลงจากตำแหน่งเดือนไหนกันแน่
ประเด็นเรื่องการส่งมอบตำแหน่งจากมหาเธร์ไปยังอันวาร์เป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองมาโดยตลอด นับตั้งแต่ปากาตัน ฮารัปปันยกมหาเธร์ อดีตนายกรฐมนตรีขึ้นมาสู้กับพรรคบาริซาน เนชันนัล ที่เป็นรัฐบาลมาตลอด จนปากาตัน ฮารััปปันชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.ปี 2018 ในขณะที่อันวาร์ยังอยู่ในเรือนจำจากคดีมีเพศสัมพันธ์ทางทวารกับผู้ช่วยชาย ซึ่งถูกมองว่าเป็นคดีการเมืองที่มหาเธร์กลั่นแกล้งอันวาร์ เพื่อสกัดดาวรุ่งทางการเมือง
ด้านดาโต๊ะ เอ คาดีร์ จาซิน ที่ปรึกษาด้านสื่อและการสื่อสารของมหาเธร์ก็เปิดเผยว่า ไม่มีเอกสารของพันธมิตรปากาตัน ฮารัปปันในช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2018 ที่กล่าวขึ้นกรอบเวลาที่มหาเธร์จะต้องมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้กับอันวาร์เลย “ไม่มีบอกว่าจะต้องมอบตำแหน่งให้ในปี 2020, 2030 หรือ 2050” มีเพียงสัญญา 5 ข้อที่ระบุว่า 1. มหาเธร์จะเป็นประธานฮารัปปัน 2. มหาเธร์จะนำฮารัปปันสู้ศึกเลือกตั้งครั้งที่ 14 3. มหาเธร์จะเป็นนายกรัฐมนตรี 4. มหาเธร์ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับอันวาร์ 5. มหาเธร์จะส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับอันวาร์
ท่าทีของมหาเธร์และที่ปรึกษาของเขาทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจจากมหาเธร์ไปยังอันวาร์อาจไม่เกิดขึ้นตามที่ผู้ลงคะแนนเสียงคาดหวังไว้ก่อนการเลือกตั้งปี 2018 แต่อันวาร์ก็ยืนยันว่า เขายังเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจในปี 2020 นี้ แต่ “เป็นเรื่องน่าอาย” สำหรับมหาเธร์ที่จะถูกสื่อถามทุกงานที่ไปว่า เขาจะลงจากตำแหน่งเมื่อไหร่กันแน่ อันวาร์มองว่า “การคอยถามเรื่องนี้ไม่ค่อยยุติธรรมนักสำหรับมหาเธร์ที่จะตอบเรื่องนี้ซ้ำซาก ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องลงจากตำแหน่งปีหน้า”
อันวาร์ยังกล่าวติดตลกว่า ตัวเขาเป็น “หนึ่งในนักการเมืองที่มีความอดทนมากที่สุด” นับตั้งแต่ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยที่มหาเธร์เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก และเขาขึ้นชื่อว่าเป็น “คนรอขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี” มาตั้งแต่ปี 1999 ดังนั้น การรออีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา
มหากาพย์ความขัดแย้งระหว่างมหาเธร์ - อันวาร์
อันวาร์เป็นเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยที่มหาเธร์เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกภายใต้สังกัดพรรคบาริซาน เนชันนัล และถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งที่อาจจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากมหาเธร์ จนกระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในเอเชียเมื่อปี 1997 ทั้งคู่มีแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมาก ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มย่ำแย่ลง อันวาร์จึงประกาศในที่ประชุมพรรคประจำปี 1998 ให้ปฏิรูปพรรคและปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ และอาสาที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศต่อจากมหาเธร์ ทำให้มหาเธร์ปลดอันวาร์ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
อันวาร์นำการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลงมหาเธร์ และเรียกร้องให้มหาเธร์ลาออกจากตำแหน่ง จนปี 1999 อันวาร์ถูกจำคุกครั้งแรก หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาคอร์รัปชันและมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร ซึ่งทำให้รัฐบาลของมหาเธร์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง
ในการเลือกตั้งปี 2013 พรรคของอันวาร์สามารถคว้าเก้าอี้ในสภามาได้จำนวนมาก แม้จะยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ แต่ก็ถือเป็นภัยคุกคามที่พรรคบาริซาน เนชันนัล อีกทั้งยังมีแนวโน้มสูงมากว่าอันวาร์อาจชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ในปี 2014 ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสินให้จำคุก 5 ปี เขาจึงต้องกลับเข้าไปในเรือนจำในปี 2015
จนช่วงปีก่อนที่มีการเลือกตั้งปี 2018 มหาเธร์เริ่มออกมาวิจารณ์ทายาททางการเมืองของเขาเองอย่างนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีจากพรรคบาริซาน เนชันนัลคนก่อน ที่มีข่าวฉาวคอร์รัปชันในกองทุน 1MDB ก่อนจะประกาศว่าจะลงเลือกตั้งโดยหันมาจับมือกับพรรคปากาตัน ฮารัปปัน จนชนะการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 2018 ทำให้อันวาร์ได้รับพระราชทานอภัยโทษหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน
ที่มา : Straites Times, Channel News Asia
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :