ต่างประเทศ
อิสราเอลยอมถอย! แก้กฎเข้าเวสต์แบงก์ หลังนานาชาติวิจารณ์เลือกปฏิบัติคนปาเลสไตน์
กฎระเบียบฉบับล่าสุด ประกาศใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 ก.ย.) ภายหลังจากที่มาตรการฉบับเก่า ได้รับการวิจารณ์อย่างหนักโดยองค์กรระหว่างประเทศและนักการทูตจากนานาชาติ
มีข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงไปในกฎหมายฉบับนี้ เช่น ผู้เดินทางเข้าเวสต์แบงก์ไม่จำเป็นต้องชี้แจงความสัมพันธ์ของตนกับชาวปาเลสไตน์อีกต่อไป รวมถึงมีการยกเลิกการจำกัดโควตาสำหรับนักวิชาการ จากเดิมที่จำกัดไว้ที่อาจารย์ 150 คน และนักศึกษา 100 คนอีกด้วย โดยกฎระเบียบชุดนี้จะถูกบังคับใช้ในวันที่ 20 ต.ค. และจะถูกใช้ในช่วงนำร่องเป็นเวลา 2 ปี
“(สหรัฐ) มีส่วนร่วมอย่างมากในการร่วมมือกับรัฐบาลอิสราเอล เพื่อร่างข้อบังคับต่างๆ และเราจะยังคงร่วมมือกับอิสราเอลต่อไปในช่วง 45 วันก่อนบังคับใช้กฎหมาย และในช่วงนำร่อง 2 ปี” ทอม นิดส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลกล่าว
นิดส์ยังแสดงความกังวล ถึงบทบาทที่มากเกินไปของกองทัพอิสราเอล ในกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง โดยนิดส์กล่าวว่า อิสราเอลควรมี “การปฏิบัติที่เท่าเทียมสำหรับประชากรสหรัฐฯ และชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามาในเวสต์แบงก์”
เจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐฯ กล่าวว่า ตลอดทั้งการเจรจากับฝ่ายอิสราเอล สหรัฐฯ เน้นย้ำว่าข้อบังคับนี้จะส่งผลอย่างยิ่งต่อโครงการยกเว้นวีซ่าของสหรัฐฯ ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจะทำให้ประชาชนอิสราเอลสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า
ตั้งแต่ข้อบังคับฉบับเดิมประกาศใช้ในเดือน ก.พ. รายละเอียดของกฎหมายก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่ให้เหตุผลว่า กฎเหล่านี้เป็นการเลือกปฏิบัติต่อชาวปาเลสไตน์ โดย เจสสิกา มอนเทลล์ ผู้อำนวยการของฮาโมเคด องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของอิสราเอล ที่ยื่นคำร้องต่อศาลสูงได้กล่าวว่า “กฎหมายนี้ทำให้กองทัพอิสราเอลได้รับอำนาจอย่างไม่ชอบธรรม ในการแทรกแซงชีวิตส่วนตัวและชีวิตสาธารณะของชาวปาเลสไตน์”
กฎระเบียบนี้มอบอำนาจให้องค์กรของกองทัพอิสราเอล สามารถแบนการเดินทางของประชาชนจากประเทศจอร์แดน อียิปต์ โมร็อกโก บาห์เรน และซูดานใต้ ได้ “นี่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้ง” มอนเทลล์กล่าว
ทั้งนี้ ข้อบังคับเหล่านี้ไม่ถูกบังคับใช้กับชุมชนชาวยิวในเวสต์แบงก์ เนื่องจากโครงสร้างกฎหมายในเวสต์แบงก์มีการแบ่งแยกระหว่างชาวยิวที่อยู่ภายใต้กฎพลเรือน ในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ถูกปฏิบัติในฐานะนักรบและอยู่ภายใต้กฎของกองทัพ
ที่มา:
