รายละเอียดมีดังนี้
ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนโควิดเดือนมกราคม 2565 ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้
1.ผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนมาก่อน กรณีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใช้สูตรแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม, แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์ หรือซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ส่วนกลุ่มอายุ 12-17 ปี ใช้สูตรไฟเซอร์ 2 เข็ม
2.ผู้มารับวัคซีนเข็มที่ 2 ให้เป็นไปตามกำหนดที่นัดหมาย
3.ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
4.ผู้ที่เคยติดเชื้อและต้องการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น สามารถใช้แอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มกระตุ้นได้ โดยให้จังหวัดบริหารจัดการตามวัคซีนที่มีในพื้นที่
นพ.วิชาญกล่าวต่อว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับทุกจังหวัดจัดบริการฉีดวัคซีนเชิงรุกทุกกลุ่ม ทั้งคนไทยและต่างชาติ เน้นกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงยาก เช่น แรงงานประมง ผู้ป่วยติดเตียง พื้นที่ทุรกันดาร และแรงงานต่างด้าวตามชายแดน และให้จัดทำแผนขอรับการสนับสนุนวัคซีนรายเดือนไปยังกองตรวจราชการสาธารณสุข
ส่วนการแจ้งเตือนให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ โดยจะใช้ระบบ 'หมอพร้อม' จึงขอให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้วดาวน์โหลดและลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ ส่วนผู้ที่เข้าไม่ถึงหมอพร้อม ให้จังหวัดใช้ข้อมูลจาก Moph IC ดำเนินการนัดหมาย โดยหน่วยบริการฉีดวัคซีนต้องออกแบบกระบวนการนัดหมายให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
สำหรับกทม.มีความซับซ้อนและมีหลายหน่วย ได้ประสานสำนักอนามัย กทม. วิเคราะห์จัดทำแผนเพื่อทำระบบแจ้งเตือน และเชิญชวนประชาชนมาฉีด ซึ่งเบื้องต้น กทม.จัดไว้ 6-7 จุด ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องวอล์กอิน แต่ขอให้รอระบบแจ้งเตือนและนัดหมายก่อน เนื่องจากต้องทราบจำนวนผู้ที่จะฉีดเพื่อกระจายวัคซีนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
“สำหรับคนที่ฉีดกระตุ้นเข็ม 4 โดยทิ้งระยะห่างจากเข็ม 3 เพียง 1 เดือน ถือว่าไม่มีประโยชน์ เนื่องจากการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม จึงขอให้ฟังคำแนะนำจากคณะกรรมการด้านวิชาการ โดยเดือนมกราคม 2565 คณะกรรมการจะพิจารณาการฉีดเข็ม 4 และวัคซีนเด็ก” นพ.วิชาญกล่าว