การเปิดทำประชามติในครั้งนี้ เกิดขึ้นใน 4 พื้นที่ของยูเครน ที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮานสก์ ในทางตะวันออกของยูเครน และ ซาปอริซเซีย เคอร์ซอน ในทางตอนใต้ของยูเครน เพื่อการผนวกดินแดนทั้ง 4 แห่งเข้าเป็นของรัสเซีย อย่างที่รัสเซียเคยใช้วิธีการเดียวกันนี้กับไครเมียของยูเครนเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา
การผนวกดินแดนทั้ง 4 แห่งจากยูเครนเข้าเป็นของตนเอง อาจส่งผลให้รัสเซียใช้เป็นข้ออ้างว่าดินแดนของตนเองถูกโจมตีโดยอาวุธของชาติตะวันตก ซึ่งถูกส่งมาให้แก่ทางการยูเครน อันจะช่วยขยายผลความชัดแย้งให้ตีวงกว้าง และเกิดการปะทะกันโดยตรงมากยิ่งขึ้นในเวทีโลก
ความพยามยามในการผนวกดินแดนในลักษณะดังกล่าวของรัสเซีย อย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2557 ในพื้นที่ไครเมียของยูเครน ถูกประชาคมนานาชาติประณาม และไม่ให้การยอมรับว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย เช่นเดียวกันกับความพยามในครั้งนี้ เพื่อการผนวกดินแดนทั้ง 4 ของยูเครนเข้าเป็นของรัสเซีย ซึ่งชาติพันธมิตรตะวันตกของยูเครนออกมาระบุว่า พวกตนจะไม่ให้การยอมรับผลประชามติที่จอมปลอมในครั้งนี้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ความพยายามในครั้งนี้ของรัสเซีย ถือเป็น “การยกระดับที่อันตราย” โดยบลิงเคนกล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) ว่า รัสเซียไม่สามารถอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนใดๆ ของยูเครนได้ และความพยายามดังกล่าวโดยรัสเซีย เป็นการทำลายสิทธิของยูเครนในการปกป้องตนเอง ในขณะที่ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า การลงประชามติดังกล่าวเป็น “เรื่องหลอกลวง” และไม่เป็นประชาธิปไตย
โดเนตสก์ ลูฮานสก์ ซาปอริซเซีย และเคอร์ซอน นับเป็น 15% ของพื้นที่ทั้งหมดของยูเครน โดยทั้ง 4 พื้นที่มีขนาดรวมกันเท่ากับประเทศฮังการีทั้งประเทศ ทั้งนี้ การทำประชามติของรัสเซียในครั้งนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันนี้ และจะใช้เวลาในการลงคะแนนทั้งสิ้น 5 วัน สื่อของรัสเซียรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการการเลือกตั้งจะถือกล่องคะแนนเดินไปตามบ้าน เพื่อให้ประชาชนลงคะแนนตั้งแต่วันศุกร์ไปจนถึงวันจันทร์หน้า (23-26 ก.ย.) และจะเปิดการลงคะแนนในสถานีเลือกตั้งเพียงแค่วันที่ 5 (27 ก.ย.) วันเดียวเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างว่าเป็นไปเพื่อความปลอดภัย
มีกำหนดการเปิดสถานีลงคะแนนประชามติหลายร้อยแห่งในวันนั้น โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะสามารถลงคะแนนเสียงได้ในภูมิภาคอื่นนอกประเทศของตน และผู้ลี้ภัยมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของรัสเซียเอง ทั้งนี้ พื้นที่บางส่วนของลูฮานสก์และโดเนตสก์ ซึ่งเอกสารการลงคะแนนประชามติจะมีแต่ฉบับภาษารัสเซียเท่านั้น ต่างตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่รัสเซียคอยหนุนหลังมาตั้งแต่ปี 2557 และขยายการยึดอาณาเขตจากยูเครนมาเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ รัสเซียยังเข้ายึดพื้นที่ซาปอริซเซีย และเคอร์ซอน ในช่วงการรุกรานช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
การจัดทำประชามติเกิดขึ้นหลังการประกาศเมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) ของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อการระดมกำลังทหารบางส่วน จำนวน 300,000 นาย ที่ถูกเรียกตัวเข้ากองทัพไปทำสงครามในยูเครน ความพยามของปูตินในครั้งนี้ ส่งผลให้ชายที่หวังจะหลีกเลี่ยงการถูกระดมทหารรีบหนีไปที่ชายแดน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ลุกฮือประท้วงที่หาได้ยากบนท้องถนนของรัสเซีย จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยการระดมทหารของปูติน ตามมาด้วยรายงานการจับกุมผู้ชุมนุมกว่า 1,300 คน
ที่มา: