วันที่ 2 เม.ย. 2565 ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส. กับหมายเลขพรรคการเมืองใช้เป็นคนละหมายเลข ซึ่งเป็นการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งในปี 2550 ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าสร้างผลเสียมากมาย เพราะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนขึ้น จนอาจทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนไม่เป็นไปเจตนารมณ์ของประชาชน และยังมีโอกาสที่จะทำให้ประชาชนลงคะแนนเสียงผิดโดยไม่ตั้งใจ
"โอกาสที่จะมีบัตรเสียก็มีมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง จากการที่ ส.ส.เขตจะต้องทำการสื่อสารหาเสียงในพื้นที่ไปพร้อมกับการรณรงค์หาเสียงของพรรค ซึ่งอาจจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยอ่อนแอลงตามไปด้วยเช่นกัน" ดร.อรุณีกล่าว
ดร.อรุณี กล่าวอีกว่า รู้สึกแปลกใจที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการระบบเลือกตั้งไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนในการเลือกตั้งปี 2550 ไม่นำเอาผลการวิจัยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยเรื่องระบบการเลือกตั้ง พบว่าการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ใช้คนละเบอร์ทำให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสน จนในที่สุดเสียงเป็นเอกฉันท์ให้กลับไปใช้ระบบบัตรเบอร์เดียวในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554
"ยืนยันว่า การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศได้แสดงสิทธิที่มีอยู่อย่างเท่าเทียมของตนเองในรอบหลายปีที่ประชาชนอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ควรจะเป็นการเลือกตั้งที่มีระบบที่จะช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งทุกกติกาที่ต้องตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนเป็นที่ตั้ง" ดร.อรุณีกล่าว
ทั้งนี้ การใช้บัตรเลือกตั้งสองใบคนละเบอร์ ทำให้ประชาชนเสียมากกว่าได้ประโยชน์ ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เกิดการสับสนน้อยที่สุดและไม่ทำผิดรัฐธรรมนูญ คือ ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ที่ให้ กกต.เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน แต่ยังไม่ประกาศหมายเลขผู้สมัคร หลังจากนั้นให้รับสมัครเลือกแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคจับเบอร์แล้วค่อยประกาศให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งสองแบบ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด