อุณหูมิในเมืองออนสโลว์ พื้นที่ทางตะวันตกของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา พบรายงานว่าสูงถึง 50.7 องศาเซลเซียส นับเป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่เคยพบมาในออสเตรเลีย ตั้งแต่รายงานอุณหภูมิเดียวกันนี้เมื่อปี 2505 บริเวณตอนใต้ของประเทศ
อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่พื้นที่กว่า 37,500 ไร่ ในทางตะวันตกของออสเตรเลีย ใกล้บริเวณแม่น้ำมากาเร็ตเกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิอาจพุ่งสูงขึ้นกว่านี้อีกในวันนี้ (14 ม.ค.)
สำนักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียรายงานว่า ออนสโลว์มีอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยพบมาในรอบ 6 ทศวรรษ เมื่อช่วงเวลา 14.26 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยจากรายงานยังระบุอีกว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของออนสโลว์ตามปกติมีอยู่ที่ 36.5 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่าอุณหภูมิปรอทแตกในครั้งนี้กว่า 14.2 องศาเซลเซียส
ลูค ฮันติงตัน เจ้าหน้าที่จากสำนักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียระบุว่า อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่พื้นที่ดังกล่าวขาดการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง โดยฮันติงตันขอให้ประชาชน “ดูแลตัวเองเป็นพิเศษด้วยการเก็บตัวอยู่ในบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือถ้าจำเป็นจะต้องอยู่ในที่โล่ง ขอให้อยู่ในบริเวณที่ร่มและคอยดื่มน้ำเสมอ”
มีรายงานจากผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่างระบุว่า อากาศร้อนขึ้นมากจนกระทั่งเครื่องปรับอากาศหยุดทำงาน ทั้งนี้ อุณหภูมิที่พุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ก่อให้เกิดการแปรปวนของสภาพอากาศและภัยพิบัติ ส่งผลโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ โดยผู้นำโลกพยายามตั้งเป้าหมายไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกพุ่งสูงขึ้นเกิน 1.2 องศาเซลเซียส
ที่มา: