ต่างประเทศ
ปธน.เวียดนามลาออกโยงคอร์รัปชัน พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเตรียมพลิกขั้ว
การลาออกของฟุก ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเวียดนาม และขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมาในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวลือและการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีรองนายกรัฐมนตรี 2 ราย ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้รัฐบาลของฟุกลาออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้
ข่าวการลาออกของฟุกเกิดขึ้นระหว่างการปราบปรามการคอร์รัปชันในรัฐบาล ที่นำโดยกลุ่มหัวแข็งภายในพรรค ทั้งนี้ มีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหลายร้อยคน กำลังถูกสืบสวนสอบสวนถึงความเชื่อมโยงต่อกรณีการทุจริตคอร์รัปชัน
การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม จะต้องได้รับการรับรองมติโดยสมัชชาแห่งชาติเวียดนามในวันนี้ (18 ม.ค.) เพื่อให้มีการรับรองการลาออกอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี สื่อของรัฐบาลเวียดนามรายงานยืนยันว่า ประธานาธิบดีเวียดนามได้แสดงความจำนงลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากข่าวลือที่ว่าฟุกเตรียมจะลาออกจากเก้าอี้ผู้นำประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ยกย่องความเป็นผู้นำของฟุก แต่ในแถลงการณ์มีการระบุว่า ฟุกจำต้องแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง จากการละเมิดและการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่หลายคนภายใต้การนำของเขา
เช่นเดียวกันกับ 2 รองนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลของฟุก ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทั้ง 2 รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันกับการทุจริตจะถูกตั้งข้อหา และดำเนินคดีทางอาญาทั้งหมดจากความเชื่อมโยงต่อการคอร์รัปชัน
“ดังเช่นที่เขาตระหนักดีถึงความรับผิดชอบของเขาต่อพรรคและประชาชน ฟุกจึงยื่นคำร้องขอลาออกจากตำแหน่งและเกษียณอายุ” ถ้อยแถลงของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามระบุ
การเมืองของเวียดนามมีความลึกลับซับซ้อนในสายตาจากคนภายนอกมาโดยตลอด เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจะตัดสินใจในเชิงนโยบายในที่ปิดเสมอ อย่างไรก็ดี การปรับตำแหน่งในครั้งนี้อาจเกิดขึ้นจากการรวบอำนาจ ของเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสายแข็งอย่าง เหงียนฟู้จ่อง ซึ่งได้รับตำแหน่งต่อในสมัยที่ 3 อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์เวียดนามด้วยการขับไล่เจ้าหน้าที่อาวุโส ที่ถูกมองว่าเป็นพวกนิยมตะวันตกและสนับสนุนนายทุนธุรกิจ
การลาออกและดำเนินคดีจำนวนมาก ถูกเรียกโดยทางการเวียดนามว่าเป็นการต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในเวียดนาม แต่การออกจากตำแหน่งระดับสูงหลายเก้าอี้ บ่งชี้ถึงการแย่งชิงอำนาจที่ระดับบนสุดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่มีการผูกขาดอำนาจอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ดี การลาออกของฟุกอาจจะไม่ได้เปลี่ยนวิถีโดยรวมของเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามอาจจะยังคงเน้นการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดด และการดำเนินการทางการทูตที่ละเอียดอ่อนระหว่างความสัมพันธ์ของจีนและสหรัฐฯ ในภูมิภาค ทั้งนี้ มีความกังวลว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเวียดนามจะทวีความรุนแรงขึ้นจากเดิม จากการผูกขาดอำนาจที่เดิมยากจะมีผู้กล้าวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว
ฟุกในวัย 69 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงเดือน เม.ย. 2564 ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ซึ่งเป็นหนึ่งใน “สี่เสาหลัก” ที่อยู่บนจุดสูงสุดของการเมืองเวียดนาม อย่างไรก็ดี เลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีอำนาจมากที่สุดใน 4 ตำแหน่งเสาหลัก แม้ว่าประธานาธิบดีจะมีอำนาจสำคัญด้วยก็ตาม โดยอีก 2 ตำแหน่งเสาหลัก คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานสมัชชาแห่งชาติ อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าจ่องอาจนำคณะทำงานของตัวเองเข้ามารวมกับคณะทำงานของฟุก
เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการพรรคคนปัจจุบันและนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ กำลังเป็นผู้นำในการต่อต้านการทุจริต โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รายงานว่าในปี 2565 เพียงปีเดียว มีสมาชิกพรรค 539 คนถูกดำเนินคดีหรือ “ถูกลงโทษทางวินัย” เนื่องจากการคอร์รัปชันและ “การกระทำผิดโดยเจตนา” ซึ่งหมายรวมถึงผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูง และนักการทูต ตำรวจเวียดนามยังได้ดำเนินการสืบสวนคดีทุจริต 453 คดี เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย
ความเคลื่อนไหวนี้ในเวียดนามอาจเกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งอาจช่วยให้เกิดความแตกแยกทางอำนาจที่น้อยลงในบรรดาผู้นำเวียดนาม แต่อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความเป็นอำนาจนิยมในการปกครองประเทศ ในขณะที่มีการพูดถึงความเป็นไปได้ในอีกฉากทัศน์ว่า สมาชิกอีกคนหนึ่งในโปลิตบูโรเวียดนาม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม อาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนฟุก
ที่มา:
