ไม่พบผลการค้นหา
หลายพรรคการเมืองลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ขอคะแนนเสียงสู้ศึกเลือกตั้ง 'อภิสิทธิ์' ประกาศแก้จน สร้างคน สร้างชาติ ขณะที่เพื่อไทยชวนคนรุ่นชี้ชะตาอนาคตประเทศชาติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี พบปะพี่น้องประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอคะแนนเสียงสนับสนุนให้กับ นายชาติชาย วรพิพัฒน์ (กำนันชาติชาย) ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 2 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคพยายามค้นหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีอุดมการณ์ ที่จะมาทำงานร่วมกับพรรค การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่จะให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตของประเทศว่าจะเอาพรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารบ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไป 

กฎหมายรัฐธรรมนูญ และ กฎหมายใหม่ มีการเปลี่ยนกติกาหลายอย่าง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรลงคะแนนเพียงใบเดียว หมายความว่ากาใบเดียวนั้นแปลว่าเลือกทั้งพรรคและคน ในจังหวัดหนึ่งผู้สมัครพรรคเดียวกัน อาจจะได้คนละเบอร์ ดังนั้นประชาชนต้องดูให้ดี แม้จะเป็นพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกันแต่ก็จะเป็นคนละเบอร์

เมื่อมีบัตรใบเดียว ทุกคะแนนจะถูกนับรวมเป็นคะแนนของพรรค ดังนั้นการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ต้อง “รักเดียวใจเดียวรัก” ทั้งคนและพรรค

1221366.jpg

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่าเศรษฐกิจบ้านเมืองย่ำแย่ทุกวันนี้เนื่องจากเรามีผู้บริหารที่อยู่ห่างไกลพี่น้องประชาชน แต่ประชาธิปัตย์มีความชัดเจน ตลอดระยะ 5 ปี ประชาธิปัตย์ ทำงานไม่มีวันหยุด ครั้งนี้เราก็มีนโยบาย แก้จน สร้างคน สร้างชาติ โดยพรรคเชื่อว่าถ้าพี่น้องประชาชน คนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ดี เศรษฐกิจของประเทศก็เดินได้ 

“ถ้าเรายังคงเลือกคนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ สุดท้ายก็กลับเข้าไปอยู่ในวังวนเดิม เพราะฉะนั้นประชาชนต้องช่วยกันนำพาบ้านเมืองของเราออกจากวังวนเดิมๆ ให้ได้ ด้วยการเลือกนักการเมืองที่มีความตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน 24 มีนาคม นี้เลือกทั้งคน ทั้งพรรค “ประชาธิปัตย์ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต”


"อนาคตใหม่" ตะลุยโรงงาน-มั่นใจหนุ่มสาวฐานเสียงสำคัญ

ที่ตลาดนัดซอย 24 แลนด์ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกวางตัวไว้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในนามพรรคอนาคตใหม่ นำทีมปีกแรงงานหาเสียง แจกเอกสารนโยบาย พร้อมทั้งรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาพูดคุยสอบถามเป็นจำนวนมาก

น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า เรามารณรงค์ให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในละแวกนี้ ซึ่งเป็นคนทำงานโรงงานได้รู้ข้อมูลเรื่องการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ทั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ จะมีหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาที่นายจ้าง ผู้ประกอบการ และให้แรงงานลงชื่อว่าใครมีความประสงค์ แต่ครั้งนี้ต้องลงทะเบียนเองในเว็บไซต์ หรือไม่ก็ต้องไปที่ กกต.จังหวัด ซึ่งหลายคนยังไม่รู้ข้อมูล

สำหรับวันนี้ ตนเองก็ได้ย้ำความมั่นใจกับทุกคนว่า พรรคอนาคตใหม่ให้ความสำคัญกับแรงงาน จึงมีกรรมการบริหารพรรค ในสัดส่วนปีกแรงงาน คือ คุณสุนทร บุญยอด ซึ่งมาจากสายแรงงานโดยตรง 


"สมศักดิ์" มั่นใจปักธงสุโขทัยเพียบ เย้ยเพื่อไทยแค่โม้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัย ที่ดินส่วนใหญ่ขาดแคลนเรื่องของน้ำ จึงมีการเสนอเรื่องของการผันน้ำ โดยในภาพรวมของการลงพื้นที่ 3 จังหวัด นโยบายของพรรคพลังประชารัฐจะใช้ 3-4 ข้อ ซึ่งประชาชนขานรับ ทำให้ส่วนตัวรู้สึกไม่หนักใจ และคิดว่าการที่พรรคการเมืองอื่นบอกว่าจะกวาด 250 คน แต่ส่ง 250 เขตนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะบางจังหวัดดูแล้วไม่ได้ คิดว่าเขาจะได้บัญชีรายชื่อมากกว่าเขต 

ส่วนการลาออกของ นายก อบจ.สุโขทัย จะมีผลกระทบหรือไม่นั้น ?

นายสมศักดิ์กล่าวว่า นายก อบจ.สุโขทัยนั้น คนรู้กันว่าเป็นนักวิชาการที่ไม่ไปล้วงลูก รวมถึงไม่ไปใช้บทบาทหน้าที่นายก อบจ. มาเป็นประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยถูกร้องเรียน ดังนั้น การลาออกหรือไม่ มีค่าเท่ากัน แต่นายกอบจ.ก็อยากลาออกมาเป็นเดือนแล้ว เนื่องจากไม่อยากทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นคนรักษาภาพ ขณะเดียวกันเขต 1 ที่มี ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ นั้นก็มั่นใจว่าจะได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นคนขยัน เป็นนักวิชาการ ส่วนในชนบท เป็นความนิยมในครอบครัวของตนเอง ซึ่งคิดว่าจังหวัดสุโขทัยน่าจะมีโอกาสปักธงหลายเขต

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่แล้วมีบุคคลมาตามถ่ายคลิปด้วยว่า พรรคการเมืองอื่นคงจับจ้องตนเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นประธานรณรงค์หาเสียง แต่มั่นใจว่าไม่เคยทำผิดกฏหมาย เพราะเวลาพูดอะไรมีหลักการ และจากที่ทำการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 ก็ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย การหาเสียงเป็นไปตามกรอบ ส่วนบุคคลที่ตามมาถ่ายคลิปนั้นเป็นอดีตข้าราชการ ซึ่งตนก็ให้ทีมงานไปสอบถามว่าบันทึกภาพวิดีโอทำไม อยากเตือนผู้สมัครคนอื่น ต้องระมัดระวังด้วย อย่าทำอะไรที่ดูหมิ่นเหม่ ขอให้อ่านกฎระเบียบให้ชัดเจน 

ส่วนหลังเปิดนโยบายการลงพื้นที่จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า นโยบายดี บางทีก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะส่วนกลางช่วยผู้สมัครได้จำนวนมาก ซึ่งประชาชนต้องการตัวบุคคล 40-50% และนโยบายพรรค 50-60% โดยสังเกตุดูได้จากนักการเมืองในอดีตที่คิดว่าตัวเองเก่งมาก แต่สอบตก เพราะประชาชนฟังนโยบายที่ชัดเจน 


“เพื่อไทย” ปลุกพลัง “คนรุ่นใหม่” ชี้ชะตาอนาคตประเทศ

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า จากการลงพื้นที่พบปะเยาวชนคนรุ่นใหม่ในหลายภูมิภาคทั่วประเทศ ได้สะท้อนปัญหาสำคัญที่กีดกั้นศักยภาพของคนรุ่นใหม่หลายอย่างในช่วง 4-5 ปีผ่านมา พวกเขาเห็นว่าข้อจำกัดที่สำคัญคือการที่ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบจำกัดทางความคิดที่คนรุ่นใหม่ต้องเดินตาม ต้องคิดตามในอีก 20 ปีข้างหน้า 

วิธีคิดที่ล้าหลังเหล่านี้แตกต่างจากแนวคิดของพรรคเพื่อไทยอย่างสิ้นเชิง เยาวชนและคนรุ่นใหม่ในแนวทางของพรรคเพื่อไทยต้องได้รับโอกาสให้ได้แสดงศักยภาพอย่างอิสระเสรี เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนของเศรษฐกิจโลก ยุทธศาสตร์ชาติต้องไม่ใช่อุปสรรคและกรอบจำกัดทางการคิดและการพัฒนาของประเทศ ศักยภาพต้องถูกสนับสนุน ไม่ใช่ถูกจำกัดในเรื่องความคิดต่าง 

พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ เดินหน้าสนับสนุนแนวคิดสร้างสรรค์รองรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรรคได้ศึกษาพฤติกรรมคนรุ่นใหม่และความพร้อมของประเทศอย่างละเอียด พบว่าประเทศไทยในปัจจุบันยังขาดพื้นฐานสำคัญในการรองรับคนรุ่นใหม่หลายอย่าง เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลงทุนอย่างจริงจังเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของเราแข่งขันได้ ต้องรีบดึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีลงสู่มือคนรุ่นใหม่ก่อนจะไม่ทันประเทศอื่น เทคโนโลยีจะต้องไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน ภาครัฐต้องสร้างทางลัดนำสู่ความสำเร็จให้เยาวชน

การลงทุนเพื่อสร้างกำลังแรงงานที่มีทักษะทางเทคโนโลยีและทักษะความเป็นผู้ประกอบการเป็นสิ่งเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าสร้าง Freelance Economy ที่เปี่ยมด้วยภาคเอกชนขนาดเล็กๆ ที่ขยายตัวสูง คล่องตัวสูง เป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ลดข้อจำกัดการทำงานรูปแบบเก่าๆ สร้างสังคมที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ และสร้าง Distributed economy เป็นแรงผลักดันในการพัฒนานวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดย SMEs

สำหรับการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ กองทุนส่วนใหญ่ยังเป็น Corporate VC ซึ่งเน้นแต่เทคโนโลยีที่ต่อยอดเฉพาะธุรกิจเฉพาะของตน ทุนจึงยังไม่รองรับความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น ตรงนี้ต้องแก้ไขใหม่ สตาร์ทอัพต้องได้รับการสนับสนุนให้เกิดพัฒนาระดับ Deep Tech ให้มากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องใช้ Automation และ AI มากกว่าฟีเจอร์แบบพื้นฐาน พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะสูงต่อระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นโดยการให้งบประมาณและสิทธิพิเศษทางภาษี 

ประเทศไทยจะต้องไม่เป็น 4.0 แต่ในกระดาษอีกต่อไป วิธีคิดที่ล้าหลังจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงโดย “พลังของคนรุ่นใหม่” ที่มีความคิดเป็นของตนเอง และกล้าเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการ “ชี้เป็นชี้ตาย” อนาคตของประเทศ ผู้บริหารที่ศักยภาพสูงสามารถนำไปสู่การเป็นประเทศผู้นำ ในขณะที่ผู้บริหารที่ “ไม่ทันต่อโลก” จะนำไปสู่ “ความพ้ายแพ้” ของประเทศไทยบนเวทีโลก ร่วมกันแสดงพลังคนรุ่นใหม่ในวันที่ 24 มี.ค. นี้

“ สุเทพ ” คารวะแผ่นดินอำนาจเจริญ หวัง 50 ที่นั่งในสภา

ปฏิบัติการเดินคารวะ แผ่นดินคารวะประชาชน วันที่ 78 ของ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ จ.อำนาจเจริญ นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรค และ ในฐานะประธานคณะทำงาน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย แกนนำพรรคและบรรดาว่าที่ผู้สมัครของพรรคพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ 

นายสุเทพ ได้เริ่มเดินคารวะแผ่นดินและพบปะพี่น้องประชาชนเริ่มจุดแรกที่ตลาดสด อ.เมือง จากนั้นไปสักการะพระมงคลมิ่งเมือง ที่วัดพระมงคลมิ่งเมือง ต่อด้วยเดินย่านธุรกิจย่านถนนชยางกรู ถนนอรุณประเสริฐ

สุเทพ


นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า การส่งผู้สมัครในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ทางพรรคส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 2 เขต คือ พันโท วิรัตน์ นิลภา ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 และ นายเฉลียว บุญมาลี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2

สำหรับพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศทั้ง 350 เขตทั่วประเทศนั้น ทางพรรคตั้งใจส่งครบทุกเขต เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่จะสนับสนุนจะได้ลงคะแนนเสียงได้ เพราะทุกคะแนนจะนำไปนับรวมกัน เพื่อคำนวณเป็นจำนวนส.ส.ที่จะมีในสภาฯ ทั้งประเทศจะได้กี่ที่นั่ง พูดไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าตั้งความหวัง หรือ ตั้งเป้าหมายไว้เท่าไร ก็ตั้งเป้าหมายว่า ควรจะ มีส.ส.ทั้งแบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ รวมกันไม่น้อยกว่า 50 ที่นั่ง

เมื่อถามอีกว่าส่วนบัญชีรายชื่อทางพรรคได้กำหนดไว้หรือไม่ว่า ควรจะมีกี่ที่นั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ทางพรรคส่งครบ 150 คนตามจำนวน เป็นผู้หญิง 75 คน ผู้ชาย 75 คน ส่วนจะได้เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ยังไม่ทราบเป็นเรื่องของอนาคต 

เมื่อถามต่อว่าทางพรรคยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯต่อ อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทางพรรคยังคงยึดหลักการ ที่ว่าใครก็ตามที่มีอุดมการณ์ มีเป้าหมายในการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ใครก็ตามที่มีเป้าหมาย ที่จะช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เรายินดีที่จะร่วมมือด้วย