ไม่พบผลการค้นหา
ทูตรัสเซียประจำสหราชอาณาจักรให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว BBC News ว่า เขาไม่เชื่อว่าประเทศของตนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในยูเครน ขณะที่สงครามยังคงเดินหน้าต่อไปเป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว

แอนดรี เคลิน ทูตรัสเซียประจำสหราชอาณาจักรระบุว่า จากกฎของกองทัพรัสเซียนั้น อาวุธนิวเคลียร์จะไม่สามารถถูกนำมาใช้ กับความขัดแย้งลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นในยูเครนได้ นอกจากนี้ ทูตรัสเซียยังได้ระบุอีกว่า ข้อกล่าวหาการก่ออาชญากรรมสงครามในเมืองบูชาเป็น “สร้างฉากขึ้น”

นอกจากนี้ เคลินยังได้เรียก ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักรว่าทำตัวเป็น “คู่ขัดแย้งอย่างมาก” และขาดประสบการณ์ หลังจากที่ทรัสส์มักออกมากล่าวโจมตีรัสเซีย จากการรุกรานยูเครนตั้งแต่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

ทูตรัสเซียประจำสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น รัสเซียมีกฎที่เคร่งครัดในการใช้อาวุธดังกล่าว โดยอาวุธนิวเคลียร์จะถูกทางการรัสเซียนำมาใช้ต่อเมื่อรัสเซียพบว่า ตนกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามถึงการดำรงอยู่ของประเทศตนเอง คำพูดดังกล่าวของเคลิน สอดคล้องกันกับการออกมาเตือนประชาคมโลกโดยประธานาธิบดีรัสเซียก่อนหน้านี้

ข้อกล่าวหาว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในวิกฤตยูเครน เกิดขึ้นหลังจากที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ออกคำสั่งการเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีฉุกเฉินสูงสุด เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากการรุกรานยูเครนได้ไม่นาน ส่งผลให้ทั่วโลกหวาดระแวงและจับตารัสเซีย ว่าอาจมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีเพื่อนบ้านของตนเอง

ปูตินพยายามกล่าวโทษถึงสาเหตุที่ตนเองทำการรุกรานยูเครนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่าเกิดขึ้นจากการขยายอำนาจเข้ามาทางฝั่งตะวันออกของชาติตะวันตก และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) แต่ เบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรได้ออกมาย้ำเตือนว่า รัสเซียพยายามเบนความสนใจผู้คนออกไปจาก “สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างผิดๆ ในยูเครน”

อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี คืออาวุธที่สามารถใช้ได้ในพิสัยที่ค่อนข้างสั้น เมื่อเทียบกับอาวุธนิวเคลียร์ "เชิงกลยุทธ์" ที่สามารถยิงได้ในระยะทางที่ไกลกว่ามาก และจะทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์แบบเบ็ดเสร็จ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจมีอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีประมาณ 2,000 หัวรบ

จากการสัมภาษณ์ของ BBC News กับทางทูตรัสเซียประจำสหราชอาณาจักร เคลินระบุว่าภาพที่ถูกเปิดเผยออกมาจากเมืองบูชา “ถูกใช้เพื่อขัดขวางการเจรจา” ในขณะที่รัสเซียกล่าวหามาโดยตลอดว่า ภาพที่เกิดขึ้นในยูเครนเป็นเพียงแค่การ “จัดฉาก”

อย่างไรก็ดี รัสเซียไม่เคยมีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวต่อยูเครน นอกจากนี้ ยูเครนยังได้ออกมากล่าวหาว่า รัสเซียเป็นผู้ที่พยายามเมินเฉยและไม่สนใจต่อข้อเสนอของยูเครน ในการเจรจาการหยุดยิงไปจนถึงการเจรจาสันติภาพ พร้อมชูเงื่อนไขการเจรจาสันติภาพของทางยูเครนว่าจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อรัสเซียถอยร่นทัพของตนเองกลับไปเหมือนกับก่อนการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-61618902