วันที่ 8 ก.พ. 2565 บริเวณหน้ากระทรวงแรงงาน ถนนวิภาวดีรังสิต สมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.) จัดกิจกรรม 'Truck Power Final Season เพื่อประชาชนคนใช้น้ำมันแพง' โดยเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่งแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้มีความเป็นธรรมกับประชาชน รวมทั้งขอให้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบริหารราชการขาดประสิทธิภาพ

ที่หน้ากระทรวงพลังงาน ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ได้มีการจัดเวทีปราศรัย อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธาน สขบท. เผยข้อเรียกร้องว่า ต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาน้ำมันดีเซล ทั้งการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 25-27 บาทต่อลิตร การลดภาษีสรรพสามิตลงในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์พุ่งสูง ปรับอัตราขนส่งเพิ่ม 10-20% ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

รวมทั้งขอให้ยกเลิกการนำไบโอดีเซลมาผสมกับน้ำมันดีเซล เป็นระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ ยังได้ระบุว่า จะกลับในวันนี้จะจัดไปจนถึงเวลา 20:00 น และพร้อมจะปักหลักค้างคืนหากไม่บรรลุข้อเรียกร้อง โดยเบื้องต้นจะให้เวลารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณาตัวเองก่อน 7 วัน

ด้าน ทองอยู่ คงขันธ์ ที่ปรึกษา สขบท. ระบุว่า ข้อเรียกร้องต่างๆ ที่สมาพันธ์ได้ยื่นให้นั้นรัฐบาลมีศักยภาพในการเยียวยาอยู่แล้วแต่กลับเลือกที่จะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจพลังงานและกลุ่มทุนพลังงาน รวมถึงภาคขนส่งส่วนน้อย ซึ่งได้แก่ธุรกิจการบิน ขณะที่ประชาชนและผู้ใช้น้ำมันเสียประโยชน์ตลอดเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมาโดยไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐเท่าที่ควร

พร้อมเผยว่าในการเคลื่อนไหวต่อไป อาจมีการ ขอความร่วมมือให้ประชาชนนำรถส่วนตัวมาจอดทิ้งไว้บนถนนทุกวันเสาร์ และเดินทางกลับโดยระบบขนส่งมวลชน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงตามคำแนะนำของรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมี วิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย ร่วมยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มคนขับแท็กซี่โดยเร่งด่วน ได้แก่ การลดราคาแก๊ส NGV และ LPG พร้อมขอให้รัฐบาลจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกให้กับผู้ขับรถแท็กซี่และครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงและสถานการณ์โรคระบาดซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสาร Taxi ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ได้มีรถแท็กซี่จำนวนกว่า 100 คัน ตามเข้ามารวมกลุ่มเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บริเวณหน้ากระทรวงแรงงาน

เวลาประมาณ 11:00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีรถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และ 12 ล้อ จำนวนไม่ต่ำกว่า 30 คัน จากถนนบางนาตราด ถนนเอเชีย และถนนกาญจนาภิเศก จังหวัดนครปฐม ทยอยนำขบวนเข้ามาสมทบและจอดเรียงกันตลอดแนวถนนวิภาวดีเป็นระยะทางยาวทั้งขาเข้าและขาออก กินระยะการจราจรเลนซ้ายสุด และคาดว่าจะมีตามมาสมทบอีกตลอดทั้งวัน