ไม่พบผลการค้นหา
'สุพัฒนพงษ์' ชี้เหตุไทยน้ำมันแพงเจอ 2 วิกฤตซ้อนเผยมีพลังงานสำรอง 2 เดือน ย้ำเสถียรความน่าเชื่อถือ-การเงินไทยยังดี วอนทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยช่วง 3 ชาติมหาอำนาจขนนักธุรกิจมาดูช่องทางลงทุน

วันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน อภิปรายชี้แจงสาเหตุที่สถานการณ์น้ำมันในประเทศไทยราคาสูง ว่า ไทยเรายังต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานน้ำมันดิบจากต่างประเทศกว่า 90 % ฉะนั้นวิกฤตพลังงานจึงเกิดทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะไทยประเทศเดียว

80FFAD92-B58F-45A1-966C-126A466E6A13.jpeg

ส่วนสาเหตุช่วงแรกสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด จากนั้นตามมาด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพราะรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีผลพวงมาจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการต่างๆ อาทิ เพิ่มความยืดหยุ่นระยะสั้น ประคองอัตราเงินเฟ้อ รักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางพลังงาน อุดหนุนราคาน้ำมัน ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ช่วยเหลืออาชีพรถรับจ้าง เป็นต้น

ทั้งนี้ รมว.พลังงาน ยืนยันว่า กระทรวงพลังงาน ยังจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพทางพลังงานตามที่ประกาศไว้ โดยมีพลังสำรองถึง 2 เดือนกว่า 

รองนายกฯ เปิดเผยอีกว่า งบประมาณที่รัฐช่วยเหลือด้านพลังงานแก่ประชาชนในปี 2563 - 2564 รวมๆแล้วตั้งแต่ช่วงโควิดใช้ไป 206,903 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเดินด้านน้ำมัน 69,510 ล้าน ,ไฟฟ้า 101,035 ล้าน ,ก๊าซหุงต้ม 31,635 และเอ็นจีวี 4,722 ล้าน ฉะนั้นเราเชื่อว่าจะผ่านสิ่งเหล่านี้ที่กำลังเกิดขึ้น (สงครามรัสเซียยูเครน) ไปได้เหมือนเมื่อครั้งโควิด ซึ่งอาจยืดเยื้อ ฉะนั้นเราต้องมีความสามัคคีกันถึงจะผ่านสถานการณ์ที่ยืดเยื้อนี้ไปได้

915C8160-89C2-4850-9C0F-72843EBDF045.jpeg

"เรารักษาเสถียรภาพพลังงาน รักษาเสถียรภาพการแข่งขันของประเทศ ดูแลกลุ่มเปราะบาง และเรายังรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังได้อย่างดี ทำมให้อันดับความน่าเชื่อถือของไทยยังรักษาไว้ได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถและความเข้มแข็งในการสร้างความฟื้นฟูให้ประเทศไทยต่อจากนี้ไป"

รองนายกฯ เปิดเผยอีกว่า จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางไปเยือน 3 ประเทศ คือ ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น สหรัฐ ทั้ง 3 ประเทศสนใจที่จะนำนักธุรกิจชุดใหญ่เข้ามายังประเทศไทยเพื่อหาโอกาสการลงทุน ฉะนั้นเราจะเก็บเกี่ยวได้แค่ไหนอยู่ที่เราในการร่วมมือความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งควรทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ราคาเบนซิน 35 บ.ยังถูก เมื่อเทียบกับทั่วโลก

สุพัฒนพงษ์ ระบุถึงสาเหตุที่ราคาน้ำมันดีเซลถึงขึ้นมาเป็น 35 บาทต่อลิตร เป็นเพดานใหม่ เนื่องจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงที่ไทย แต่เป็นทั่วโลก ราคาน้ำมันเฉลี่ยในภูมิภาคอาเซียนก็ขึ้นไปถึง 40 กว่าบาททั้งสิ้น แต่รัฐบาลไทยตรึงราคาไว้ เพราะเข้าใจว่าเพิ่งผ่านการฟื้นฟูจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น ราคานี้จึงถือว่ายังไม่แพง มีเพียง 2-3 ประเทศเท่านั้นที่ราคาต่ำกว่าเรา

ส่วนกรณีที่ มีผู้อภิปรายว่าในช่วงโควิด-19 ระบาด เมื่อราคาน้ำมันยังไม่แพง เหตุใดจึงไม่เพิ่มเงินกองทุนเข้าไปสำรองไว้เสียก่อน ประเด็นนี้เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมา พูดอีกก็ถูกอีก แต่ในสภาพความเป็นจริง ห้วงเวลาที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 และประชาชนยากลำบากทั้งประเทศ ถึงแม้ราคาพลังงานจะยังไม่มากจริง แต่หากจะเพิ่มเงินกองทุนเข้าไป ก็จะยิ่งเป็นการทับถมความยากลำบากให้ประชาชนในช่วงเวลานั้น ซึ่งเชื่อว่าไม่มีสมาชิกรัฐสภาท่านใดปรารถนาให้เกิดสิ่งนั้น

'จุติ' แจงงบฯ สวัสดิการหาย รักษาโควิด 55 ล้านคน

ด้าน จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงต่อข้อตำหนิของสมาชิกฯ ว่า กรณีสวัสดิการของรัฐนั้นเป็นสวัสดิการอนาถา ยืนยันว่าสวัสดิการรัฐนั้นไม่อนาถา ส่วนเหตุที่ทำถ้วนหน้าไม่ได้คืออะไร ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน ผู้สูงอายุ หรือผู้มีรายได้น้อย และผู้พิการ ล้วนมีเบี้ย กองทุน และเงินชดเชยรองรับทั้งสิ้น หากดูให้ครบจะเห็นว่าเป็นงบประมาณที่ดูแลประชาชนอย่างครบวงจร และงบไม่ได้น้อยดังที่ท่านได้กล่าว มีทั้งสิ้น 6.32 แสนล้านบาท

สำหรับงบสงเคราะห์ศพตามประเพณี ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันมากนั้น ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า การตั้งงบประมาณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่จะเสียชีวิตนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ และเราไม่ได้รวยพอที่จะเบิกงบมากองเอาไว้ เผื่อใครเสียชีวิตแล้วจะมีเงินชดเชยให้ เราจะเบิกงบตามจำนวนผู้เสียชีวิตจึงมีงบค้างตลอดเวลา แต่ยืนยันว่างบประมาณปี 2564 นั้นไม่มีค้างเลย แม้แต่รายเดียว แม้ในปี 2565 จะมีงบฯ ค้างอยู่กว่า 8 หมื่นราย 242 ล้านบาท แต่รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย และอยู่ระหว่างขออนุมัติงบกลางจากนายกรัฐมนตรี

"เมื่อ 19 พ.ค. 2563 รัฐบาลชุดนี้เองได้อนุมัติเพิ่มค่าจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีจาก 2,000 บาทขึ้นเป็น 3,000 บาทต่อราย นอกจากนั้นอยากให้ท่านได้ดูด้วยว่ายังมีงบซ่อมบ้านผู้สูงอายุอีก 10,000 หลัง ในปีงบประมาณปีนี้ งบซ่อมบ้านผู้สูงอายุที่ติดเตียงที่พิการ อีก 3,500 หลัง"

สำหรับปัญหาครอบครัวและเยาวชน จุติ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีครอบครัวอยู่ 27 ล้านครอบครัว ในจำนวนนั้นสังคมมีปัญหาจากภัยโควิด-19 จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทคโนโลยีทำให้ครอบครัวมีปัญหาพ่อเลี้ยงเดี่ยวแม่เลี้ยงเดี่ยว และครอบครัวผสม มีปัญหาประมาณ 20% ปัญหานี้คงหลีกเลี่ยงไปไม่พ้น แต่ต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง

ในส่วนของเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งมีผู้กล่าวว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ทำตามสัญญา หลายท่านยังทราบว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 ปีต่อมาก็พบกับปัญหาโควิด-19 ทั้งปี ตราบจนปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ตั้งใจว่าจะจัดหางบประมาณดูแลผู้สูงอายุถ้วนหน้า และเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า มีปัญหา เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ จึงต้องจัดสรรให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือที่สุดก่อน คือครอบครัวที่ผู้ปกครองมีรายได้ไม่ถึง 100,000 บาทต่อปี

"รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์รักษาชีวิตของคนไทย รักษาให้คนไทยป่วยน้อยที่สุด เสียชีวิตน้อยที่สุด ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนที่จะได้ดูแลประชาชนในยามที่มีภัยอย่างนี้ 55 ล้านคน หรือ 55 ล้านบัญชี รวมทั้งหมดค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลสนามเงินเยียวยาที่ได้ใช้ไปดูแลพี่น้องประชาชนนั้น ทั้งสิ้น 1.5 ล้านล้านบาท เงินเหล่านี้ไม่ใช่เบี้ยหัวแตก หรือเงินตกน้ำ อยากให้ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติได้เปรียบเทียบว่า ประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถควบคุมประชาชนของเขาได้ดีเท่ากับประเทศไทย" จุติ กล่าว

และเมื่อมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ค่าครองชีพและราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก รัฐบาลได้นำงบประมาณที่มีอยู่น้อยนิด มาดูแลตรึงค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งยังตรึงราคาแก็สหุงต้ม และราคาน้ำมันเบนซินอย่างเต็มที่ จนราคาต่ำกว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน

"คำติติงของท่านก็ได้รับฟัง แต่อยากจะให้ทราบว่า ทุกอย่างปฏิบัติไปด้วยเหตุและผล ผมคิดว่าที่เราคุยกันได้ เพราะท่านก็รักประชาชน รักประเทศ รัฐบาลก็รักประชาชน รักประเทศ เราไม่มีสี เราไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีรัฐบาล วันนี้หากเราจับมือทำงานด้วยกัน สิ่งที่ท่านชี้แนะที่เป็นประโยชน์ก็จะได้รับนำไปปรับปรุง สิ่งใดที่ท่านเข้าใจผิดหรือมองไม่ครบวงจร ก็ขอกรุณาทำความเข้าใจกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำความเข้าใจกับท่านด้วย"