ไม่พบผลการค้นหา
'ชัยธวัช' มั่นใจ 70% 'พิธา' นั่งนายกฯ เชื่อแม้ 'ก้าวไกล' แถลงจุดยืน ม.112 ส.ว.ที่มีธงก็จะอ้างเหตุอื่นไม่โหวตให้ กังวลใช้ความจงรักภักดีเป็นเกณฑ์ในการเลือกนายกฯ

วันที่ 11 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุมระหว่างตัวแทนพรรคการเมือง และ ส.ว. ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยผลการประชุมว่า ในวันที่ 13 ก.ค. จะเริ่มประชุมกันเวลา 09.30 น. หลังจากที่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เสนอว่าให้สมาชิกอภิปรายซักถามอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมีการโหวต ซึ่งคาดว่าจะได้โหวตนายกรัฐมนตรีในเวลาช่วงเย็น

ชัยธวัช ย้ำว่า เป็นเรื่องปกติที่หากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาฯ จะเปิดโอกาสให้ตอบคำถาม แสดงวิสัยทัศน์ไปในตัว ส่วนเสียง ส.ว. ที่จะโหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ยอมรับว่า มีกระแสกดดันในกลุ่ม ส.ว.ค่อนข้างมาก ทำให้ขณะนี้ ส.ว. ส่วนใหญ่มีท่าทีที่ไม่แสดงออกชัดเจน ซึ่งคงต้องรอในวันที่ 13 ก.ค.

เมื่อถามว่า ส.ว. ที่ไปพูดคุยส่งสัญญาณบวกมาบ้างหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า มีสัญญาณบวกแน่นอน ต้องยอมรับมีกระแสข่าวกดดัน ส.ว.ที่อาจจะถูกคาดหมายว่าจะโหวตให้ พิธา อย่างมาก 

“ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่กระแสข่าวมีเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ ส่งคนไปพูดคุยกดดัน บางกระแสข่าวมีการพูดถึงขั้นแบล็กเมล์ด้วยซ้ำ หรือเสนอผลประโยชน์ต่างๆ ให้ซึ่งหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ” 

เมื่อถามว่า มี ส.ว.บางคนออกมาขู่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่าอาจมีการยุบพรรคหากโหวตให้นายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ 

ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน ส.ว.บางคน เช่น นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. ที่บอกว่าไม่เกี่ยวกัน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น โดยจะมีข้อกล่าวหาอะไรก็ตามต่อพิธา เมื่อเข้าสู่กระบวนการไม่ว่าจะเป็นศาลหรือองค์กรอิสระ ยังไม่มีข้อยุติถึงที่สุด ก็ต้องถือว่า พิธายังไม่มีอะไรผิดและเป็นการแยกการทำหน้าที่อยู่แล้วระหว่างการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติกับการโหวตนายกรัฐมนตรีของสมาชิกรัฐสภา 

ส่วนจะทำให้ ส.ส.ไม่กล้าโหวตให้หรือไม่นั้น ชัยธวัช กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแยกออก สิ่งที่ตนกังวลมากกว่าคือความพยายามชูเรื่องความจงรักภักดีมาเป็นเกณฑ์ในการให้โหวตหรือไม่โหวต ตนคิดว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม มองว่าเป็นการหมิ่นเหม่ที่จะเอาสถาบันมาปะทะกับการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อสถาบันในระบอบประชาธิปไตย 

เมื่อถามว่า จะมีการแถลงจุดยืนเรื่องมาตรา 112 ก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.) ตนได้ทราบข่าวแม้กระทั่งว่ามีการส่งข้อความกันในหมู่ ส.ว.ว่า ต่อให้ พิธา พูดเช่นนั้นเช่นนี้ก็อย่าหลงชื่อ เข้าใจว่าท่านที่มีเจตนาแน่วแน่ว่าอย่างไรก็จะไม่โหวต ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ก็จะมีเหตุผลร้อยแปด

เมื่อถามว่า มีแผนสำรองไว้หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่านหรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันใน 8 พรรคร่วม มองว่ายังไม่ถึงวาระที่จะประชุม และยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงจำนวนครั้งที่จะโหวต ซึ่งในที่ประชุมแปดพรรคร่วมในช่วงเช้าก็มีผู้เสนอว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ ส.ส.โหวตก่อนแล้วตามด้วย ส.ว. แต่ในที่ประชุมเห็นว่าไม่ควรยกเว้นข้อบังคับ ยืนยันว่าทั้งแปดพรรคจะเสนอชื่อ พิธา เสียงส่วนมากย้ำว่าการพูดคุยกับ ส.ว.จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องการพิจารณาหุ้นสื่อของ พิธา หรือไม่ ชัยธวัช กล่าวว่า เป็นไปตามที่ พิธา ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีการแจ้งข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมาย ที่มีการกล่าวหา พิธา โดยได้เปิดโอกาสให้ พิธา ได้ชี้แจงตามกระบวนการที่ควรจะเป็น ตอนนี้เกิดคำถามว่าทำไมจึงลุกลี้ลุกลนจนมีกระแสข่าวว่าจะรวบรัดให้ กกต.มีธงหรือไม่ ที่จะส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ของนายพิธา ก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี 

ชัยธวัช มองว่า กกต.ตั้งอธิบายให้ได้ว่าทำไมจึงไม่มีกระบวนการเรียก พิธา จะอ้างว่าไม่จำเป็นไม่ได้ เพราะตามระเบียบปกติควรจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนไต่สวน หาก กกต. จะส่งทุกเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งทางสื่อมวลชนก็ทราบว่ามีข้อเท็จจริงและข้อถกเถียงกันเยอะว่าไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ ซึ่งคงฟันไม่ได้ว่า กกต.จะส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องน่าผิดสังเกต ตนหวังว่าจะไม่มีธงทางการเมือง พร้อมย้ำว่ามติ กกต.จะออกมาในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) อย่างไรก็ไม่กระทบต่อการโหวตนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ที่ พิธา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็น 50:50 ใช่หรือไม่ ชัยธวัช ตอบว่า ไม่ต้องการ 50 แต่ต้องการ 70