ธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องพูดอะไรเดิมๆซ้ำๆ เพราะบางคนฟังครั้งเดียวไม่เข้าใจ แถมใจไม่กล้าออกมาดูโลกภายนอก เพราะกลัวความจริงจนต้องหลบอยู่แต่ใต้กะลา ดีแต่จะหาคอยพวกพ้องมาบูลลี่ กล่าวหาคนนั้นคนนี้ไม่มีผลงาน แต่ไม่ยอมย้อนดูความผิดพลาดของพรรคพวกตัวเองที่ทิ้งกองขยะไว้ให้รัฐบาลนี้ต้องเข้ามาแก้ไข เข้ามาฟื้นฟู จนประเทศเดินหน้าได้รับการยอมรับ
ดังนั้นก่อนจะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 จึงอยากสรุปผลงาน 8 ปี ของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ได้เข้ามาบริหารประเทศด้วยความตั้งมั่นและสุจริต มุ่งปฏิรูปประเทศให้เกิดการพัฒนายั่งยืน ครอบคลุมทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างสังคม และการพัฒนาฐานราก กระจายความเจริญไปสู่ทุกภูมิภาค อาทิ เส้นทางรถไฟทางคู่ การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ใน กทม. ไปยังชานเมือง วางแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ.2566–2570 เพื่อยกระดับบริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน
อีกทั้งยังดูแลไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก็มีการผลักดันจนสามารถออกกฎหมายที่สำคัญ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กลางปี 2566 นี้ ได้แก่ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองและยกย่องประเทศไทย ว่าเป็นตัวอย่างของนานาชาติในด้านระบบประกันสุขภาพทั่วหน้า และมีความมั่นคงทางสุขภาพ และในปีนี้ รัฐบาลยังมุ่งสานการพัฒนาชาติด้วย “กลยุทธ์ 3 แกน” ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม-โทรคมนาคม-5G การส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์การผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต สนับสนุนงานวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ส่งเสริมการสร้างบัณฑิตปริญญาตรี-โท-เอก 1.38 ล้านคน สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ กว่า 500 คน ส่งเสริมประเทศก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมการแพทย์ และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของอาเซียน มีการสานความสัมพันธ์และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการพลิกโฉมประเทศแบบก้าวกระโดด สิ่งที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำมาตลอดระยะเวลา 8 ปี ไม่ใช่การทำนโยบายขายฝัน แต่ลงมือทำจริง จนเกิดเป็นผลงานของรัฐบาล แทนที่จะถามว่าทำอะไรบ้าง ต้องเปลี่ยนคำถามว่ายังเหลืออะไรบ้างที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน หลายโครงการล้วนแล้วแต่เป็นการทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและประเทศให้ดียิ่งขึ้นทั้งสิ้น
ธนกร กล่าวด้วยว่า การหาเสียงเลือกตั้ง เป็นธรรมดาที่พรรคการเมืองต่างๆ จะนำเสนอนโยบายต่อประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแรงสนับสนุน แต่การที่พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์หาเสียงเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เป็นเรื่องไม่สร้างสรรค์ และเป็นการพูดให้ข้อมูลไม่หมด ดีแต่ด้อยค่าผู้อื่น แต่ความล้มเหลวของตัวเองทำเหมือนเส้นผมบังภูเขา การกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน หรือกรณีกล่าวหาว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์หาเงินไม่เป็น รู้หรือไม่ว่า เศรษฐกิจไทยโตเป็นอันดับ 24 ของโลก และจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ช่วงปี 61 - 65 มีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมกว่า 439,000 ล้านบาท และในปี 65 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังต้องบริหารใช้หนี้ที่รัฐบาลสมัยพรรคเพื่อไทยทิ้งไว้อีก 6 ล้านล้านบาท รวมทั้งแก้ปัญหาหนี้ชาวนาปีละกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรหยุดให้ร้ายโจมตีเรื่องรัฐบาล 8 ปี ไม่มีผลงาน แต่ควรเอานโยบายหรือผลงานที่รัฐบาลทำไว้ไปดูเป็นตัวอย่าง เพราะนี่แหละผลงานของจริงไม่มโน ซึ่งพลเอกประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมเดินหน้าทำตามนโยบายที่เสียงไว้ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”